Psychological Safety วิธีง่ายๆ ที่ผู้นำสร้างได้ในองค์กร

เรียนรู้วิธีสร้าง Psychological Safety ในทีมแบบง่ายๆ ที่ผู้นำทำได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความคิดสร้างสรรค์ และการมีส่วนร่วมของพนักงาน พร้อมเทคนิคและตัวอย่างจริงจากองค์กรชั้นนำ

September 25, 2024
·
0
mins
Napatrostorn Tanathanyatoranun (Chompoo)
นภัสรสธร ธนาธัญธรนันท์
Psychological Safety วิธีง่ายๆ ที่ผู้นำสร้างได้ในองค์กร

Psychological Safety วิธีง่ายๆ ที่ผู้นำสร้างได้ในองค์กร

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาว HR และผู้นำองค์กรทุกคน วันนี้เรามาคุยกันเรื่องสุดฮอตที่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงการบริหารองค์กรทั่วโลกกันดีกว่า นั่นก็คือเรื่องของ "Psychological Safety" หรือ "ความปลอดภัยทางจิตใจในที่ทำงาน" นั่นเองค่ะ

ดิฉันเชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้มาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร สำคัญยังไง แล้วเราจะสร้างมันขึ้นมาในทีมของเราได้อย่างไร วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันค่ะ

Psychological Safety คืออะไร?

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Psychological Safety คืออะไรกันแน่

Psychological Safety หรือความปลอดภัยทางจิตใจในที่ทำงาน คือ ความเชื่อร่วมกันของสมาชิกในทีมว่า ทีมนั้นปลอดภัยสำหรับการเสี่ยงระหว่างบุคคล หรือพูดง่ายๆ ก็คือ สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทำให้พนักงานรู้สึกสบายใจที่จะแสดงความคิดเห็น ถามคำถาม หรือยอมรับความผิดพลาดโดยไม่กลัวว่าจะถูกลงโทษหรือเสียหน้า

ลองนึกภาพตามดิฉันนะคะ คุณเคยอยู่ในที่ประชุมแล้วรู้สึกกลัวที่จะพูดความคิดเห็นของตัวเองไหม? หรือเคยทำผิดพลาดแล้วพยายามปกปิดเพราะกลัวโดนด่า? นั่นแหละค่ะ คือสัญญาณว่าทีมของคุณอาจจะยังขาด Psychological Safety อยู่

ทำไม Psychological Safety ถึงสำคัญ?

คำถามต่อมาที่หลายคนอาจจะสงสัยก็คือ แล้วทำไม Psychological Safety ถึงสำคัญนักล่ะ?

จากการศึกษาของ Google ในโปรเจค Aristotle ที่ศึกษาปัจจัยที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ พบว่า Psychological Safety เป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้ทีมมีประสิทธิภาพสูง

นอกจากนี้ ผลการวิจัยจาก McKinsey ยังพบว่า 89% ของพนักงานเชื่อว่า Psychological Safety มีความสำคัญอย่างยิ่งในที่ทำงาน

ดิฉันขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ นะคะ ลองนึกถึงทีมที่ทุกคนกลัวที่จะพูด กลัวที่จะผิดพลาด เวลามีปัญหาก็ไม่กล้าบอก ผลลัพธ์ก็คือ:

  1. ขาดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม เพราะไม่มีใครกล้าเสนอไอเดียใหม่ๆ
  2. ปัญหาถูกซ่อนไว้จนบานปลาย แก้ไขไม่ทัน
  3. การสื่อสารในทีมไม่มีประสิทธิภาพ เพราะทุกคนกลัวที่จะพูดความจริง
  4. พนักงานเครียด ไม่มีความสุขในการทำงาน นำไปสู่การลาออกในที่สุด

แต่ถ้าเรามี Psychological Safety ล่ะ? ทีมของเราจะกลายเป็นทีมที่:

  1. มีความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา
  2. ปัญหาถูกแก้ไขอย่างรวดเร็วเพราะทุกคนกล้าที่จะพูด
  3. การสื่อสารในทีมเปิดเผยและตรงไปตรงมา
  4. พนักงานมีความสุข รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม และอยากอยู่กับองค์กรนานๆ

ฟังดูเหมือนฝันเลยใช่ไหมคะ? แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามันเป็นไปได้จริงๆ และผู้นำอย่างเราๆ นี่แหละที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง Psychological Safety ให้เกิดขึ้นในทีม

วิธีสร้าง Psychological Safety แบบง่ายๆ ที่ผู้นำทำได้

ทีนี้ เรามาดูกันว่าเราจะสร้าง Psychological Safety ในทีมของเราได้อย่างไรบ้าง ดิฉันขอแนะนำ 5 วิธีง่ายๆ ที่ผู้นำทำได้เลยค่ะ

1. เป็นแบบอย่างในการยอมรับความผิดพลาด

ผู้นำต้องเป็นคนแรกที่กล้ายอมรับความผิดพลาดของตัวเอง เมื่อคุณทำผิด อย่าปกปิดหรือโยนความผิดให้คนอื่น แต่ให้พูดตรงๆ ว่า "ดิฉันขอโทษ ดิฉันทำผิดพลาด"

ดิฉันเคยทำงานกับ CEO ท่านหนึ่งที่เวลาประชุมใหญ่ทั้งบริษัท ท่านจะเริ่มด้วยการพูดถึงความผิดพลาดที่ท่านทำในเดือนที่ผ่านมา และบทเรียนที่ได้เสมอ ทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกว่า การผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ และเป็นโอกาสในการเรียนรู้

2. รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างเปิดกว้าง

เวลามีคนเสนอความคิดเห็นที่แตกต่าง อย่าด่วนปฏิเสธหรือโต้แย้งทันที แต่ให้ฟังอย่างตั้งใจและถามคำถามเพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้น

ลองใช้ประโยคแบบนี้ดูค่ะ "น่าสนใจมากเลย คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมว่าทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น?" หรือ "ขอบคุณสำหรับมุมมองที่แตกต่าง มีใครมีความคิดเห็นเพิ่มเติมไหมคะ?"

3. สร้างวัฒนธรรมการให้ feedback ที่สร้างสรรค์

การให้ feedback เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ต้องทำอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่การจับผิดหรือตำหนิ

แนะนำให้ใช้เทคนิค "Sandwich Feedback" คือเริ่มด้วยข้อดี ตามด้วยสิ่งที่ควรปรับปรุง และจบด้วยข้อดีอีกครั้ง เช่น

"คุณนำเสนองานได้ดีมาก ข้อมูลครบถ้วน (ข้อดี) แต่อาจจะปรับการพูดให้กระชับขึ้นอีกนิดนะคะ (สิ่งที่ควรปรับปรุง) โดยรวมแล้วเนื้อหาที่คุณเตรียมมาดีมากเลย ขอบคุณสำหรับความทุ่มเทค่ะ (จบด้วยข้อดี)"

4. ส่งเสริมการทดลองและการเรียนรู้จากความล้มเหลว

สร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมให้ทีมกล้าทดลองสิ่งใหม่ๆ และเรียนรู้จากความล้มเหลว

บริษัท Google มีนโยบายที่เรียกว่า "20% time" ที่ให้พนักงานใช้เวลา 20% ของเวลาทำงานในการทำโปรเจคที่พวกเขาสนใจ แม้ว่าโปรเจคส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ดังๆ อย่าง Gmail และ Google News

คุณอาจจะเริ่มจากการจัดประชุม "Failure Friday" ทุกเดือน ให้ทีมมาแชร์ความล้มเหลวและบทเรียนที่ได้ก็ได้ค่ะ

5. สร้างความไว้วางใจด้วยการเปิดเผยและจริงใจ

ความไว้วางใจเป็นรากฐานสำคัญของ Psychological Safety ผู้นำต้องเป็นคนแรกที่เปิดเผยและจริงใจ

แชร์ข้อมูลสำคัญกับทีมอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย เช่น สถานการณ์ทางการเงินของบริษัท แผนการในอนาคต หรือความท้าทายที่กำลังเผชิญ

ส่วนหนึ่งของทีมอย่างแท้จริง

ตัวอย่างองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง Psychological Safety

เรามาดูตัวอย่างองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง Psychological Safety กันบ้างนะคะ เพื่อให้เห็นภาพว่าแนวคิดนี้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และส่งผลดีต่อองค์กรอย่างไร

Google

Google เป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องนี้ค่ะ นอกจากนโยบาย "20% time" ที่กล่าวไปแล้ว Google ยังมีวัฒนธรรมที่เรียกว่า "Psychological Safety" โดยตรง โดยส่งเสริมให้พนักงานกล้าแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นไอเดียแปลกใหม่หรือการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์

ผลลัพธ์ก็คือ Google สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง และยังเป็นบริษัทที่คนอยากทำงานด้วยมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

Pixar

Pixar เป็นอีกบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ Psychological Safety มาก พวกเขามีกระบวนการที่เรียกว่า "Braintrust" ซึ่งเป็นการประชุมที่ทุกคนสามารถวิจารณ์งานของกันและกันได้อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องกลัวว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจหรือตำแหน่งงาน

ผลงานภาพยนตร์อนิเมชั่นคุณภาพสูงของ Pixar เป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนของวัฒนธรรมนี้

Microsoft

ภายใต้การนำของ Satya Nadella Microsoft ได้เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรครั้งใหญ่ โดยเน้นการสร้าง Psychological Safety Nadella ส่งเสริมให้พนักงานมี "Growth Mindset" คือกล้าที่จะเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว

ผลลัพธ์คือ Microsoft สามารถฟื้นตัวจากยุคที่เคยถูกมองว่าเป็นยักษ์ใหญ่ที่เชื่องช้า กลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอีกครั้ง

ความท้าทายในการสร้าง Psychological Safety

แม้ว่า Psychological Safety จะมีประโยชน์มากมาย แต่การสร้างมันขึ้นมาในองค์กรก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะคะ มีความท้าทายหลายอย่างที่เราต้องเผชิญ เช่น:

  1. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร: การสร้าง Psychological Safety อาจต้องเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรที่มีมายาวนาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน
  2. ความกลัวของผู้นำ: ผู้นำบางคนอาจกลัวว่าการให้อิสระในการแสดงความคิดเห็นมากเกินไปจะทำให้เสียการควบคุม
  3. ความไม่เข้าใจของพนักงาน: พนักงานบางคนอาจไม่คุ้นเคยกับการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย และอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว
  4. การวัดผล: การวัดผลของ Psychological Safety อาจทำได้ยาก เพราะเป็นเรื่องของความรู้สึกและการรับรู้

แต่อย่าเพิ่งท้อนะคะ! ถึงแม้จะมีความท้าทาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ามากๆ ค่ะ

สรุป

Psychological Safety เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ทีมและองค์กรของเราประสบความสำเร็จในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น ยอมรับความผิดพลาด และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้องค์กรของเรามีนวัตกรรม ปรับตัวได้เร็ว และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ดิฉันหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ Psychological Safety มากขึ้น และมีไอเดียในการนำไปปรับใช้กับทีมของคุณนะคะ อย่าลืมว่าการสร้าง Psychological Safety นั้นต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน ในฐานะผู้นำ เราต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เปิดใจรับฟัง และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์

ลองนำเทคนิคที่แนะนำไปในบทความนี้ไปลองใช้ดูนะคะ แล้วคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในทีมของคุณอย่างแน่นอนค่ะ

สุดท้ายนี้ ถ้าคุณมีคำถามหรือต้องการแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับ Psychological Safety ก็สามารถแชร์ในคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยนะคะ เรามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันค่ะ!

Citations:


[1]  What Is Psychological Safety? by Amy Gallo

[2]  Psychological Safety and Learning Behavior in Work Teams by Amy Edmondson

[3] Trust and psychological safety  , Chartered Institute of Personnel and Development

[4] What is psychological safety? , McKinsey research