Design Sprint: ทักษะจาก Google สูตรสร้าง Innovation ที่ทำให้เกิดได้จริงในองค์กร
เรียนรู้วิธีการจาก Google ที่ช่วยให้ทีมของคุณพัฒนานวัตกรรมได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกันอย่างเกิดผล
Design Sprint: ทักษะจาก Google การสร้าง Innovation ที่ทำให้เกิดได้จริงในองค์กร
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว HR และทีม L&D! วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง Design Sprint กันดีกว่า ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร และจะเอามาใช้ในองค์กรยังไงดี วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันครับ!
Design Sprint คืออะไร?
Design Sprint เป็นกระบวนการที่พัฒนาโดย Google Ventures เพื่อช่วยให้ทีมสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและทดสอบไอเดียใหม่ๆ ได้ภายในเวลาเพียง 5 วัน Jake Knapp ผู้คิดค้น Design Sprint กล่าวว่า:
"The sprint is GV's unique five-day process for answering crucial questions through prototyping and testing ideas with customers. It's a "greatest hits" of business strategy, innovation, behavioral science, design, and more—packaged into a step-by-step process that any team can use."
จากประสบการณ์ของผมเอง ตอนที่เริ่มใช้ Design Sprint ครั้งแรก ผมรู้สึกทึ่งมากกับความรวดเร็วและประสิทธิภาพของมัน เราสามารถสร้าง prototype และทดสอบกับลูกค้าจริงได้ภายในเวลาแค่ 5 วัน ซึ่งปกติอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว
ทำไม Design Sprint ถึงสำคัญ?
ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว การสร้างนวัตกรรมอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญมาก Design Sprint ช่วยให้เราทำได้แบบนั้น โดยมีข้อดีหลักๆ ดังนี้:
- ประหยัดเวลาและทรัพยากร - แทนที่จะใช้เวลาเป็นเดือนหรือปีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราสามารถทดสอบไอเดียได้ภายใน 5 วัน
- ลดความเสี่ยง - เราได้ทดสอบกับลูกค้าจริงก่อนลงทุนเยอะๆ
- สร้างความเข้าใจร่วมกันในทีม - ทุกคนได้มีส่วนร่วมและเห็นภาพเดียวกัน
- กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ - กระบวนการ brainstorm และ sketching ช่วยให้เกิดไอเดียใหม่ๆ
- มุ่งเน้นที่ปัญหาจริงๆ ของลูกค้า - เราเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง
ผมเคยทำ Design Sprint กับทีมหนึ่งที่ติดอยู่กับปัญหาเดิมๆ มานาน พอเราใช้กระบวนการนี้ ทุกคนตื่นเต้นมาก เพราะได้มองปัญหาในมุมใหม่ และคิดค้นวิธีแก้ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลย
ขั้นตอนของ Design Sprint
Design Sprint แบ่งเป็น 5 วัน โดยแต่ละวันจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน:
วันจันทร์: เข้าใจปัญหา (Understand)
เราจะเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง โดยใช้เทคนิค empathy mapping และ customer journey mapping เพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้าจริงๆ
วันอังคาร: สร้างไอเดีย (Ideate)
วันนี้เราจะใช้เทคนิค brainstorming ต่างๆ เพื่อสร้างไอเดียให้มากที่สุด โดยไม่ตัดสินว่าดีหรือไม่ดี เน้นปริมาณก่อน
วันพุธ: ตัดสินใจ (Decide)
เราจะใช้เทคนิคการตัดสินใจแบบมีโครงสร้าง เพื่อเลือกไอเดียที่ดีที่สุดมาพัฒนาต่อ โดยไม่ให้เกิดการครอบงำความคิดจากคนใดคนหนึ่ง
วันพฤหัสบดี: สร้าง Prototype
เราจะสร้าง prototype อย่างรวดเร็ว เน้นที่การจำลองประสบการณ์การใช้งานจริง ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ แค่พอให้ทดสอบได้
วันศุกร์: ทดสอบกับลูกค้า
เราจะนำ prototype ไปทดสอบกับลูกค้าจริง เพื่อรับ feedback และเรียนรู้ว่าไอเดียของเราใช้ได้จริงหรือไม่
ผมเคยทำ Design Sprint กับทีมหนึ่งที่กำลังพัฒนาแอพใหม่ พอถึงวันศุกร์ที่ได้ทดสอบกับลูกค้าจริง ทุกคนตื่นเต้นมาก เพราะได้เห็นปฏิกิริยาจริงๆ ของคนใช้ ซึ่งบางอย่างก็เซอร์ไพรส์เรามากๆ ทำให้เราได้ insights ใหม่ๆ ที่ไม่เคยคิดมาก่อน
ทำไม Design Sprint ถึงเหมาะกว่า Design Thinking ในการสร้าง Innovation
Design Sprint และ Design Thinking มีความแตกต่างกันในหลายด้าน แม้ว่าทั้งสองจะมีพื้นฐานแนวคิดคล้ายกันในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ แต่ Design Sprint มีลักษณะเฉพาะที่ทำให้เหมาะกับการสร้างนวัตกรรมในองค์กรมากกว่า:
- ระยะเวลาที่กำหนดชัดเจน
- Design Sprint: มีกำหนดเวลาชัดเจน 5 วัน
- Design Thinking: ไม่มีกำหนดเวลาตายตัว อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
- โครงสร้างและขั้นตอน
- Design Sprint: มีโครงสร้างและขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนสำหรับแต่ละวัน
- Design Thinking: มีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถปรับเปลี่ยนขั้นตอนได้
- การตัดสินใจ
- Design Sprint: มีการกำหนดผู้ตัดสินใจ (Decider) ไว้ชัดเจน
- Design Thinking: การตัดสินใจมักเป็นแบบกลุ่ม
- ผลลัพธ์ที่ได้
- Design Sprint: มุ่งเน้นการสร้างต้นแบบที่สามารถทดสอบได้จริงภายใน 5 วัน
- Design Thinking: อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเร็วเท่า
- การทดสอบกับผู้ใช้
- Design Sprint: มีการทดสอบกับผู้ใช้จริงในวันสุดท้ายเสมอ
- Design Thinking: การทดสอบอาจเกิดขึ้นในหลายขั้นตอน ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงท้าย
- การมุ่งเน้นธุรกิจ
- Design Sprint: มีการพิจารณาปัจจัยทางธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น
- Design Thinking: อาจเน้นที่ปัญหาของผู้ใช้มากกว่าปัจจัยทางธุรกิจ
Design Sprint เหมาะกับการสร้างนวัตกรรมในองค์กรมากกว่าเพราะ:
- ความรวดเร็ว: สามารถได้ผลลัพธ์ที่ทดสอบได้จริงภายในเวลาสั้นๆ
- ประหยัดทรัพยากร: ลดความเสี่ยงในการลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบโจทย์
- สร้างความร่วมมือ: ทำให้ทีมจากหลายฝ่ายได้ทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น
- การตัดสินใจที่รวดเร็ว: มีโครงสร้างที่ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น
- มุ่งเน้นผลลัพธ์: ได้ต้นแบบที่สามารถทดสอบและพัฒนาต่อได้จริง
- สร้างวัฒนธรรมนวัตกรรม: กระตุ้นให้เกิดการคิดและทำงานแบบ agil
การนำ Design Sprint มาใช้ในองค์กร
สำหรับทีม HR และ L&D ที่อยากนำ Design Sprint มาใช้ในองค์กร ผมมีคำแนะนำดังนี้:
- เริ่มจากโปรเจ็กต์เล็กๆ ก่อน - อย่าเพิ่งไปทำกับโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ เลย ลองเริ่มจากปัญหาเล็กๆ ในองค์กรก่อน เพื่อให้ทุกคนคุ้นเคยกับกระบวนการ
- สร้างทีมที่หลากหลาย - ชวนคนจากหลายๆ แผนกมาร่วมทีม จะได้มุมมองที่หลากหลาย
- เตรียมสถานที่และอุปกรณ์ให้พร้อม - ต้องมีห้องที่ใหญ่พอ มีกระดาษ post-it, ปากกาเมจิก, กระดานไวท์บอร์ด ฯลฯ
- หา Facilitator ที่เข้าใจกระบวนการ - อาจจะเป็นคนในทีมที่ผ่านการอบรมมา หรือจ้าง consultant จากข้างนอกก็ได้
- สื่อสารให้ทุกคนเข้าใจ - อธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่า Design Sprint คืออะไร และทำไมเราถึงใช้มัน
- ติดตามผลและปรับปรุง - หลังจากทำ Sprint แล้ว ต้องมีการติดตามผลและปรับปรุงกระบวนการให้เหมาะกับองค์กรของเรา
- ผมเคยช่วยบริษัทหนึ่งนำ Design Sprint มาใช้ ตอนแรกหลายคนก็กังวลว่าจะทิ้งงานประจำ 5 วันได้ยังไง แต่พอได้ลองทำจริงๆ ทุกคนก็เห็นคุณค่าของมัน เพราะเราสามารถแก้ปัญหาที่ค้างคาใจมานานได้ภายในเวลาแค่ 5 วัน
ความท้าทายและวิธีรับมือ
แน่นอนว่าการนำ Design Sprint มาใช้ก็มีความท้าทายเหมือนกัน ผมขอแชร์ปัญหาที่พบบ่อยและวิธีรับมือนะครับ:
- คนไม่มีเวลา - ต้องวางแผนล่วงหน้า และสื่อสารให้ทุกคนเห็นความสำคัญ
- ความเคยชินกับวิธีทำงานแบบเดิม - ต้องใจเย็น ค่อยๆ ปรับ mindset ไปทีละนิด
- การตัดสินใจเร็วเกินไป - ต้องเน้นย้ำว่าเราต้องรอฟัง feedback จากลูกค้าก่อนตัดสินใจ
- ไม่กล้าทดลองไอเดียใหม่ๆ - สร้างบรรยากาศที่ปลอดภัย ให้ทุกคนกล้าที่จะเสนอไอเดียแปลกๆ
- ขาดการติดตามผล - ต้องมีแผนติดตามผลหลัง Sprint อย่างชัดเจน
ผมเคยเจอทีมหนึ่งที่ตอนแรกไม่ค่อยเชื่อมั่นใน Design Sprint เท่าไหร่ แต่พอได้ลองทำจริงๆ ทุกคนก็เปลี่ยนความคิด เพราะเห็นว่ามันช่วยให้เราทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นจริงๆ
สรุป
Design Sprint เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากในการสร้างนวัตกรรมและแก้ปัญหาในองค์กร มันช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น ลดความเสี่ยง และสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าจริงๆ
สำหรับทีม HR และ L&D การนำ Design Sprint มาใช้จะช่วยให้องค์กรของเรา:
- พัฒนาทักษะการคิดเชิงออกแบบให้กับพนักงาน
- สร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบ agile และ innovative
- แก้ปัญหาภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น
ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจ Design Sprint มากขึ้น และอยากลองนำไปใช้ในองค์กรของตัวเองนะครับ ถ้ามีคำถามหรืออยากแชร์ประสบการณ์ ก็คอมเมนต์มาคุยกันได้เลยครับ!
สุดท้ายนี้ ผมขอทิ้งท้ายด้วยคำพูดของ Jake Knapp ผู้คิดค้น Design Sprint:
"Sprints offer a path to solve big problems, test new ideas, get more done, and do it faster. They also allow you to have more fun along the way."
เอาล่ะ พร้อมที่จะลุยกับ Design Sprint กันหรือยังครับ? ไปสร้างองค์กรนวัตกรรมด้วย Design Sprint กัน หรือจะให้ BASE Playhouse ช่วย ทางทีมเรา Run Design Sprint ใน Talent Innovation Program มาเกือบ 20 ครั้ง ติดต่อมาได้นะครับ สามารถช่วยให้คำปรึกษาได้
Citations:
[1] https://www.workshopper.com/post/the-ultimate-step-by-step-guide-for-design-sprint-beginners
[2] https://www.adaptovate.com/design-and-innovation/design-thinking/benefits-of-design-sprints/
[3] https://www.thesprintbook.com/the-design-sprint
[4] https://bubblidigital.com/blog/how-to-use-header-tags-h1-h2-h3-headings/
[5] https://www.simplilearn.com/design-thinking-and-innovation-article
[6] https://www.researchgate.net/publication/342153727_The_Impact_of_Design_Thinking_on_Innovation
[7] https://www.viima.com/blog/design-sprint-101
[8] https://blog.experiencepoint.com/8-stats-that-prove-design-thinking-pays-off
[9] Sprint How to Solve Big Problems and Test New Ideas in Just Five Days (Jake Knapp, John Zeratsky, Braden Kowitz)
[10] Product Sprint Deck - 3-Day Template , Google
[11] Design Sprint: A Practical Guidebook for Building Great Digital Products , Richard Banfield (Author), C. Todd Lombardo (Author), Trace Wa