Design Thinking

Design Thinking Trend 2024 ทักษะที่ทุกคนต้องมี

Design Thinking เป็นทักษะที่สำคัญในปี 2024 ช่วยให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง และคิดโซลูชันที่สร้างสรรค์ ปรับตัวได้เร็วในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

August 29, 2024
·
0
mins
Peesadech Pechnoi (Mac)
ภีศเดช เพชรน้อย
Design Thinking Trend 2024 ทักษะที่ทุกคนต้องมี

ยินดีต้อนรับสู่บทความเกี่ยวกับ Design Thinking ในปี 2024 ครับ! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องทักษะสำคัญที่ทุกคนควรมีติดตัวในยุคนี้ นั่นก็คือ Design Thinking หรือกระบวนการคิดเชิงออกแบบนั่นเอง

Design Thinking คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

Design Thinking เป็นกระบวนการแก้ปัญหาแบบใหม่ที่เหมาะกับยุคปัจจุบันมากๆ เพราะปัญหาในโลกทุกวันนี้มันซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ วิธีแก้ปัญหาแบบเดิมๆ อาจใช้ไม่ได้ผลแล้ว

ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ สมมติว่าเรามีปัญหา "อยากมีแฟนแต่ไม่มี" ถ้าเป็นสมัยก่อน เราอาจจะแก้ปัญหาด้วยการไปหาบริการจัดหาคู่ หรือให้เพื่อนแนะนำ หรือไปซื้อหนังสือสอนจีบมาอ่าน แต่ Design Thinking จะมองลึกลงไปกว่านั้น

เข้าใจปัญหาให้ลึกซึ้ง

ขั้นตอนแรกของ Design Thinking คือการทำความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง เราอาจจะต้องถามตัวเองหรือคนที่มีปัญหานี้ว่า:

- ทำไมถึงอยากมีแฟน?
- เหงาจริงๆ หรือแค่ต้องการคนคุยด้วย?
- มีเวลาให้แฟนจริงๆ หรือเปล่า?
- กลัวอะไรในการเริ่มต้นความสัมพันธ์?

จากคำถามเหล่านี้ เราอาจจะพบว่าปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่การ "ไม่มีแฟน" แต่อาจจะเป็นความเหงา หรือต้องการคนเข้าใจ หรืออยากมีเพื่อนคุย

เทรนด์ของ Design Thinking ในปี 2024

ในปี 2024 นี้ Design Thinking ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ชั่วคราวอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนในองค์กรควรมี ไม่ว่าจะทำงานในตำแหน่งไหนก็ตาม

1. AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

Generative AI อย่าง ChatGPT หรือ Google Gemini กำลังเข้ามาช่วยในกระบวนการ Design Thinking มากขึ้น ตั้งแต่การช่วยคิดคำถามสัมภาษณ์ การสรุป Insight จากข้อมูล ไปจนถึงการช่วย Brainstorm ไอเดียใหม่ๆ

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการคิดไอเดียแก้ปัญหา "คนโสด" เราสามารถใช้ AI ช่วย Brainstorm ได้ โดยอาจจะได้ไอเดียที่หลากหลายและสร้างสรรค์มากขึ้น

2. Extended Reality (XR) กับการคิดโซลูชั่นใหม่ๆ

เทคโนโลยีอย่าง AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) กำลังเข้ามามีบทบาทในการคิดโซลูชั่นแบบใหม่ๆ

สมมติว่าเรามีปัญหา "อยากมีแฟนแต่ไม่อยากออกจากบ้าน" เราอาจจะคิดโซลูชั่นโดยใช้ VR ในการสร้างพื้นที่เสมือนจริงให้คนได้พบปะพูดคุยกัน โดยที่ไม่ต้องออกจากบ้านจริงๆ

การประยุกต์ใช้ Design Thinking ในชีวิตประจำวัน

Design Thinking ไม่ได้ใช้ได้แค่ในการทำงานเท่านั้น แต่เราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย ลองมาดูตัวอย่างกันครับ

ปัญหาในครอบครัว

สมมติว่าเรามีปัญหากับแฟนเรื่องการเลี้ยงแมว เราอยากเลี้ยงแมวด้วยกัน แต่ไม่มีเวลาดูแล เราสามารถใช้ Design Thinking มาช่วยได้

1. ทำความเข้าใจปัญหา: คุยกับแฟนให้ลึกซึ้งว่าทำไมอยากเลี้ยงแมว ทำไมกังวลเรื่องเวลา
2. คิดไอเดีย: ระดมสมองหาวิธีแก้ปัญหา เช่น จ้างคนมาดูแลแมวบางเวลา, ใช้อุปกรณ์อัตโนมัติช่วยให้อาหารและทำความสะอาด
3. ทดลองทำ: เลือกไอเดียที่ดีที่สุดมาลองทำดู อาจจะเริ่มจากการยืมแมวเพื่อนมาเลี้ยงดูก่อนสักอาทิตย์

ปัญหาในที่ทำงาน

ถ้าเราเจอปัญหาในที่ทำงาน เช่น ทีมทำงานช้า ประสิทธิภาพต่ำ เราก็สามารถใช้ Design Thinking มาช่วยได้

1. เข้าใจปัญหา: สัมภาษณ์เพื่อนร่วมงาน สังเกตการทำงาน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
2. คิดไอเดีย: อาจจะใช้ AI ช่วย Brainstorm วิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
3. ทดลองทำ: เลือกไอเดียที่ดีที่สุดมาทดลองใช้ในทีม สัก 1-2 สัปดาห์ แล้วประเมินผล

ทำไม Design Thinking ถึงเป็นทักษะที่ทุกคนควรมี?

1. แก้ปัญหาได้ดีขึ้น: Design Thinking ช่วยให้เราเข้าใจปัญหาได้ลึกซึ้งขึ้น และคิดโซลูชั่นที่ตรงจุดมากขึ้น
2. เพิ่มความคิดสร้างสรรค์: กระบวนการนี้กระตุ้นให้เราคิดนอกกรอบ และสร้างไอเดียใหม่ๆ
3. เข้าใจคนอื่นมากขึ้น: การทำ Empathy ช่วยให้เราเข้าใจมุมมองและความรู้สึกของคนอื่นได้ดีขึ้น
4. ปรับตัวได้เร็ว: ในโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว Design Thinking ช่วยให้เราปรับตัวและแก้ปัญหาใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น

วิธีฝึกทักษะ Design Thinking

การจะเก่ง Design Thinking ได้ เราต้องฝึกทั้ง 3 ด้านนี้ครับ:

1. Knowledge: หาความรู้เพิ่มเติมจากคอร์สออนไลน์ หนังสือ หรือบทความต่างๆ
2. Skill: ลองนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน เริ่มจากปัญหาเล็กๆ ก่อนก็ได้
3. Mindset: ปรับมุมมองให้เปิดกว้าง พร้อมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และเชื่อว่าทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์

สรุป

Design Thinking ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรมีในยุคนี้ ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร หรืออยู่ในตำแหน่งไหน การมีทักษะนี้จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาได้ดีขึ้น คิดสร้างสรรค์มากขึ้น และปรับตัวได้เร็วขึ้นในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ลองเริ่มฝึกใช้ Design Thinking ในชีวิตประจำวันดูนะครับ เชื่อว่าคุณจะพบว่ามันช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น และมีความสุขมากขึ้นแน่นอน!