Active Listening: ทักษะที่ขาดไม่ได้ในองค์กร - เคล็ดลับการสร้างผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
Active Listening ทักษะสำคัญในองค์กรที่ช่วยสร้างผู้นำที่มีประสิทธิภาพ เรียนรู้วิธีการฟังเชิงรุกเพื่อเพิ่มผลิตภาพ ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ดี
Active Listening: ทักษะที่ขาดไม่ได้ในองค์กร - เคล็ดลับการสร้างผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
ในโลกของการทำงานที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จขององค์กร และหัวใจสำคัญของการสื่อสารที่ดีก็คือ "การฟังเชิงรุก" หรือ Active Listening นั่นเอง
ความสำคัญของการฟังเชิงรุกในองค์กร
การฟังเชิงรุกไม่ใช่แค่การได้ยินคำพูดของคู่สนทนาเท่านั้น แต่เป็นการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความหมาย อารมณ์ และความรู้สึกที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้นๆ ด้วย สำหรับผู้นำและผู้บริหารแล้ว ทักษะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้:
- สร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงาน
- เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการรักษาพนักงานที่มีคุณภาพ
- สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
- ส่งเสริมความหลากหลายและการอยู่ร่วมกัน
ประโยชน์ของการฟังเชิงรุกที่มีต่อองค์กร
การวิจัยจาก Harvard Business Review พบว่า ผู้ที่มีทักษะการฟังเชิงรุกมักจะได้รับการมองว่ามีความสามารถ น่าชอบ และน่าไว้วางใจมากกว่า นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น:
- เพิ่มผลิตภาพได้ถึง 30%
- ลดความขัดแย้งในที่ทำงานได้ถึง 40%
- เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ได้ถึง 20%
- ลดความเข้าใจผิดได้ถึง 25%
- เพิ่มขวัญกำลังใจของพนักงานได้ถึง 25%
เทคนิคการฟังเชิงรุกสำหรับผู้นำ (Leadership)
- ให้ความสนใจอย่างเต็มที่: หลีกเลี่ยงการทำหลายอย่างพร้อมกันและการขัดจังหวะผู้พูด
- แสดงท่าทางที่สื่อถึงความสนใจ: ใช้การสบตา พยักหน้า และแสดงสีหน้าที่เหมาะสม
- ใช้คำถามปลายเปิด: เพื่อกระตุ้นให้ผู้พูดแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
- สะท้อนกลับสิ่งที่ได้ยิน: ทวนความเข้าใจเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถูกต้อง
- แสดงความเห็นอกเห็นใจ: พยายามเข้าใจมุมมองและความรู้สึกของผู้พูด
การพัฒนาวัฒนธรรมการฟังเชิงรุกในองค์กร
- จัดการฝึกอบรม: ให้ความรู้และฝึกฝนทักษะการฟังเชิงรุกแก่พนักงานทุกระดับ
- ผู้นำต้องเป็นแบบอย่าง: ผู้บริหารควรแสดงให้เห็นถึงการใช้ทักษะการฟังเชิงรุกในการทำงานประจำวัน
- สร้างกลไกการรับฟังความคิดเห็น: เช่น การทำแบบสำรวจความคิดเห็นพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
- พัฒนาโปรโตคอลการสื่อสาร: กำหนดแนวทางที่เน้นความสำคัญของการฟังเชิงรุกในการประชุมและการสื่อสารภายในองค์กร
การวัดผลและปรับปรุง
การพัฒนาทักษะการฟังเชิงรุกเป็นกระบวนการต่อเนื่อง องค์กรควรมีการวัดผลและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจพิจารณาจาก:
- อัตราการมีส่วนร่วมของพนักงาน
- ความพึงพอใจของลูกค้า
- ประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา
- อัตราการลาออกของพนักงาน
จากการศึกษาของ McKinsey พบว่า การใช้กลยุทธ์การฟังอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยให้องค์กรเข้าใจความต้องการของพนักงานและตอบสนองได้อย่างทันท่วงที ซึ่งนำไปสู่ผลการปฏิบัติงานที่ดีขึ้น ความผูกพันที่สูงขึ้น และการรักษาพนักงานที่มีศักยภาพสูง
บทสรุป
การฟังเชิงรุกเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้นำและองค์กรในยุคปัจจุบัน การพัฒนาทักษะนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อวัฒนธรรมองค์กร ความผูกพันของพนักงาน และผลประกอบการโดยรวม การลงทุนในการพัฒนาทักษะการฟังเชิงรุกจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับทุกองค์กร
ตามที่ Deloitte ได้เน้นย้ำ องค์กรชั้นนำมองว่าการฟังเชิงรุกในที่ทำงานเป็นความสามารถที่จำเป็น ไม่ใช่เพียงแค่กิจกรรมหรือโครงการประจำปี การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การฟังที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาประสิทธิผลและสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ
Citations:
[1] https://psico-smart.com/en/blogs/blog-what-role-does-active-listening-play-in-successful-conflict-resolution-158948
[2] https://www.b2binternational.com/2024/08/02/the-importance-of-active-listening/
[3] https://worldmetrics.org/active-listening-statistics/
[4] https://workbravely.com/blog/growth-development/how-active-listening-impacts-leadership/
[5] https://www.mckinsey.com/capabilities/people-and-organizational-performance/our-insights/the-next-competitive-advantage-in-talent-continuous-employee-listening
[6] https://hbr.org/2021/03/are-you-really-listening
[7] https://www2.deloitte.com/us/en/blog/human-capital-blog/2023/active-listening-workplace-strategy.html