Working with AI

สรุปให้! ความสำคัญของ AI ต่อธุรกิจมีอะไรบ้าง?

ในปัจจุบัน เทคโนโลยี AI กำลังเป็นเครื่องมือที่ได้รับความสนใจ แต่ความสำคัญของ AI ที่เกี่ยวข้องกับโลกธุรกิจ คืออะไร? และ AI จำเป็นแค่ไหนต่อโลกการทำงาน

August 7, 2024
·
0
mins
Peesadech Pechnoi (Mac)
ภีศเดช เพชรน้อย
สรุปให้! ความสำคัญของ AI ต่อธุรกิจมีอะไรบ้าง?

สรุปครบ! ประโยชน์และความสำคัญของ AI ต่อการเติบโตธุรกิจ

การมาถึงของ AI เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของชีวิตใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของธุรกิจที่ต้องเริ่มปรับตัวและเห็นความสำคัญของ AI ต่อการเติบโตของธุรกิจในหลากหลายแง่มุม

อย่างไรก็ดี ประโยชน์ของ AI ไม่ได้มีเพียงแต่ช่วยให้ทำงานเสร็จไวขึ้น หรือ สามารถนำมาทดแทนแรงงานมนุษย์ได้เหมือนที่ใครหลายคนเข้าใจ แต่การนำ AI มาใช้ในอุตสาหกรรม หลายครั้งกลับสร้างผลดีต่อตัวคนทำงาน เจ้าของธุรกิจ ไปจนถึงภาพรวมของตัวธุรกิจด้วยเช่นกัน

แล้ว AI สำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างไร มีส่วนช่วยต่อการเติบโตของธุรกิจมากน้อยแค่ไหน ในบทความนี้ BASE Playhouse จะมาอธิบายถึงความสำคัญของ AI ที่มีต่อธุรกิจให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ กัน

เข้าใจ “เรื่อง AI” ก่อน

เมื่อพูดถึง AI หรือ Artificial Intelligence เชื่อว่าหลายๆ คน รวมถึงเจ้าของธุรกิจเอง อาจมีภาพจำที่คล้ายกันว่า AI เป็นเหมือนหุ่นยนต์รูปแบบหนึ่งที่สามารถคิดวิเคราะห์ได้เหมือนมนุษย์ แต่ยังตัดสินใจเรื่องสำคัญไม่ได้ 

หรือ บางคนอาจเข้าใจว่า AI คือ “อัลกอริทึม” รูปแบบหนึ่งที่คอยกำกับทิศทางต่างๆ ในชีวิต เริ่มตั้งแต่ความชอบบนโลกออนไลน์ที่นำไปสู่การสร้างตัวตนของมนุษย์ในโลกความเป็นจริง ไปจนถึงเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานและการเรียนได้

จะเห็นได้ว่า แต่ละคนเองก็มีภาพจำของ AI ที่แตกต่างกันไปตามการใช้งานและประโยชน์ที่ได้รับจาก AI เช่นกัน ดังนั้น เพื่อช่วยให้ทุกคนเห็นภาพความสำคัญของ AI ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในส่วนนี้ลองมาทำความเข้าใจถึงพื้นฐานของ AI หรือ Artificial Intelligence กันก่อนดีกว่า

AI คืออะไร?

AI (Artificial Intelligence) หรือชื่อแปลไทยแบบตรงตัวว่า “ปัญญาประดิษฐ์” คือ เทคโนโลยีการประมวลผลที่นำข้อมูลต่างๆ มาจัดการตามคำสั่งที่ได้รับ ซึ่งเมื่อได้รับชุดคำสั่งมา ตัวปัญญาประดิษฐ์ก็จะทำการนำข้อมูลที่ได้เรียนรู้มาวิเคราะห์ ประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับชุดคำสั่ง

ด้วยเหตุนี้ หากยิ่งชุดคำสั่งมีประสิทธิภาพมากและให้รายละเอียดที่จำเป็นครบถ้วนมากเท่าไหร่ AI ก็จะยิ่งประมวลผลได้แม่นยำและตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นเท่านั้น 

AI ทำงานอย่างไร?

แม้ AI แต่ละตัวจะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ทั้งจากฐานข้อมูลที่ผู้พัฒนาเป็นคนกำหนด ไปจนถึงรูปแบบการวิเคราะห์ที่ไม่เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น AI แทบจะทุกตัวล้วนมีพื้นฐานการทำงานมาจาก 2 โครงสร้างหลักอย่าง “Machine Learning” และ “Deep Learning”

หากเปรียบเทียบเป็นสมองแล้ว Machine Learning เปรียบได้กับเนื้อสมองที่สามารถเรียนรู้และปรับปรุงความแม่นยำได้ด้วยตัวเอง ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ผู้พัฒนากำหนดให้ได้เรียนรู้ ในขณะที่ Deep Learning จะเป็นเสมือนกับโครงข่ายประสาทเพื่อกรองข้อมูลที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ตรวจสอบข้อมูล ตลอดจนทำนายผลจากข้อมูลที่มีอยู่ได้ หรือ เทียบง่ายๆ คือ เหมือนการคิดวิเคราะห์ของมนุษย์ที่ต่อยอดมาจากข้อมูลที่มีอยู่นั่นเอง

เมื่อมีระบบแกนกลางสำหรับเรียนรู้ และ คิดวิเคราะห์แล้ว แน่นอนว่า การจะให้ AI ทำงานได้ยังจำเป็นต้องอาศัย “สื่อกลาง” ด้วยเช่นกัน โดยสื่อกลางต่างๆ นี้จะมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ระบบประมวลภาษาของมนุษย์ หรือ Natural Language Processing: NLP, Computer Vision หรือ เป็นระบบให้ AI สามารถวิเคราะห์ภาพได้ 

นอกจากนี้ ผู้พัฒนายังสามารถกำหนด Expert System เพื่อให้ AI ทำงานในอุตสาหกรรมเฉพาะได้ เช่น AI สำหรับช่วยซื้อขายสินทรัพย์การลงทุน ไปจนถึง AI ที่ช่วยวินิจฉัยโรคจากข้อความ ภาพ รวมถึงทำงานร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์อื่นๆ เป็นต้น

AI มีกี่ประเภท?

AI ในปัจจุบันนี้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท “ตามความสามารถ” และ “ตามเทคโนโลยีที่ใช้” ซึ่งจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้

3 ประเภทของ AI แบ่งตามความสามารถ

  1. Artificial Narrow Intelligence (ANI) เป็น AI ที่มีทักษะจำกัดในวงแคบ กล่าวคือ ทำงานได้ตามคำสั่งที่ได้รับการโปรแกรมมาตามจุดประสงค์ของผู้พัฒนาเท่านั้น
  2. Artificial General Intelligence (AGI) เป็น AI ที่มีสติปัญญาและความสามารถเทียบเท่ากับมนุษย์ทั่วไป ทั้งยังสามารถเรียนรู้ประสบการณ์จากอดีตเหมือนกับมนุษย์ได้ แต่ขณะนี้ AI ประเภทดังกล่าวยังอยู่ในช่วงของการศึกษาวิจัยอยู่
  3. Artificial Super Intelligence (ASI) เป็น AI ที่มีสติปัญญาและความสามารถเหนือมนุษย์ทุกด้าน ตั้งแต่การเรียนรู้ การแก้ปัญหา ไปจนถึงการปรับตัวในทุกแง่มุม แน่นอนว่า ขณะนี้ AI ประเภทดังกล่าวยังอยู่ในช่วงของการศึกษาวิจัยถึงความเป็นไปได้ ขีดจำกัด รวมถึงข้อควรระวังรอบด้าน

4 ประเภทของ AI ตามเทคโนโลยีที่ใช้

  1. Reactive Machines เป็น AI ที่ประมวลผลเป็นครั้งๆ ไปไม่มีความจำเป็นของตัวเอง ไม่สามารถเรียนรู้จากอดีต หรือ คาดการณ์อนาคตได้ เช่น Deep Blue เป็น AI ที่ IBM พัฒนาขึ้นและนำมาแข่งหมากรุกจนชนะแชมป์หมากรุกโลกอย่าง Garry Kasparov 
  2. Limited Theory เป็น AI ที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง นำข้อมูลในอดีตมาตัดสินใจ แก้ปัญหา หรือ คาดการณ์อนาคตได้ เช่น AI จดจำใบหน้า หรือเซนเซอร์ที่ทำงานร่วมกับ AI เพื่อตรวจจับมนุษย์ในสถานการณ์ต่างๆ
  3. Theory of Mind หรือ AI ที่รับรู้ความรู้สึก อารมณ์ และวัฒนธรรมของมนุษย์ จนสามารถพูดคุย ตอบโต้ ไปจนถึงสร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ เช่น Samantha ที่เป็น AI ในภาพยนตร์เรื่อง Her (2013)
  4. Self-awareness เป็น AI ที่เปรียบได้กับมนุษย์คนหนึ่งที่มีความคิด ความรู้สึก ความต้องการ และความเชื่อเป็นของตัวเอง ทำให้สามารถตัดสินใจและกระทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด

สรุปจากประเภทของ AI ทั้งหมดข้างต้นนี้ ในโลกปัจจุบันนั้น มนุษย์เราจะสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้เฉพาะแบบ Artificial Narrow Intelligence (ANI), Reactive Machines และ Limited Theory เท่านั้น ซึ่งในอนาคตอาจมีการพัฒนา AI ให้มีสติปัญญาเทียบเท่ากับมนุษย์ได้ ทั้งในแง่ของอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ไปจนถึงความสามารถในแง่มุมที่ซับซ้อนขึ้นได้

ประโยชน์และความสำคัญของ AI ต่อธุรกิจ

ในปัจจุบันนี้ AI เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำมาเป็นระบบประมวลผลเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ไซต์ก่อสร้าง รวมถึงการซ่อมบำรุงและกู้ภัย ไปจนถึงการใช้ AI ในอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อเพิ่มคุณภาพสินค้าและบริการ ที่สำคัญ AI ยังสามารถนำมาใช้พัฒนาระบบการจัดการด้าน IT สำหรับธุรกิจทุกภาคส่วนได้เช่นกัน

แต่นอกจากในความสำคัญของ AI ในการพัฒนาคุณภาพธุรกิจ ทั้งในเรื่องของความปลอดภัย รวมถึงคุณภาพของสินค้าและบริการที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มยอดขาย รวมถึงความสำเร็จของธุรกิจแล้ว AI ยังมีส่วนช่วยบริหารธุรกิจได้หลายแง่มุม ดังนี้

1. การจัดการทรัพยากรบุคคล

ธุรกิจสามารถนำ AI เข้ามาใช้เพื่อจัดการทรัพยากรส่วนบุคคลได้ในหลายแง่มุม ตั้งแต่การคัดกรองผู้สมัครเบื้องต้น จากทั้งข้อมูลของผู้สมัคร การตอบคำถามเบื้องต้น ไปจนถึงการวัดทัศนคติจากแบบสอบถามหลายๆ รูปแบบ 

นอกจากนี้ การนำ AI เข้ามาปรับใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการทำงานยังช่วยฝ่ายทรัพยากรส่วนบุคคลมองเห็นถึงแง่มุมที่ต้องพัฒนา ปรับปรุง รวมถึงสามารถช่วยสร้างความยุติธรรมให้กับองค์กร ทั้งในเรื่องของความสามารถและพฤติกรรมพนักงาน ไปจนถึงผลตอบแทนของแต่ละบุคคล

2. การตลาดและการสร้างรายได้ของธุรกิจ

แม้ “ข้อมูล” จะเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้การตลาดประสบความสำเร็จได้ แต่หากมีผู้ช่วยประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพด้วยแล้ว หัวใจสำคัญนี้ก็ยิ่งสูบฉีดความสำเร็จให้การตลาดของธุรกิจได้เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ การนำ AI เข้ามาปรับใช้ในการทำการตลาดจึงสามารถช่วยให้ธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญและนำมาปรับใช้กับธุรกิจได้อย่างแม่นยำ ไม่ลำเอียง และมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดได้ แน่นอนว่า ข้อมูลในส่วนนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาฐานลูกค้าเอาไว้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยต่อยอดทั้งในเรื่องของการขาย การโฆษณา การทำแคมเปญ ไปจนถึงการพัฒนาธุรกิจในแง่มุมอื่นๆ ทำให้ธุรกิจสามารถพัฒนาและเดินหน้าสู่ความสำเร็จได้อย่างตรงจุด

3. การจัดการเงินของธุรกิจ

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ได้วัดแค่ยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องมีระบบบริหารจัดการเงินที่มีประสิทธิภาพ ถูกต้อง และแม่นยำมากที่สุดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบบัญชีและการเงินทั้งหมดของธุรกิจ

ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ในจุดนี้ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าหาข้อมูลด้วย Keyword ไปจนถึงการใช้ระบบอ่านข้อมูลผ่าน Natural Language Processing: NLP และ Computer Vision เพื่ออ่านไฟล์และวิเคราะห์ข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถจัดการระบบการเงินธุรกิจได้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้

อนาคตของ AI จะเป็นอย่างไร?

เมื่อเห็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของ AI ในทุกวันนี้ เป็นธรรมดาที่หลายคนจะเป็นกังวล ทั้งในเรื่องของการจ้างงาน การพัฒนาธุรกิจให้เท่าทันคู่แข่งที่มีเงินทุนในการใช้ AI ที่มีราคาสูงหลายตัว ไปจนถึงการนำ AI เข้ามาปรับใช้ในแต่ละฝ่ายของธุรกิจที่มีคนหลากหลายรุ่นทำงานร่วมกัน

BASE Playhouse เชื่อเสมอว่า ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ มีการพัฒนา AI ที่ล้ำสมัยมากขึ้นเท่าไหร่ “มนุษย์” ก็ยังคงเป็น “ส่วนสำคัญ” ที่เป็นผู้นำสิ่งต่างๆ ที่ AI วิเคราะห์และประมวลผลได้ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ด้วยกันเองมากที่สุดได้

ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ มนุษย์จึงต้องมีความเข้าใจ รวมถึงทักษะที่สามารถช่วยให้ทำงานกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกมุมมองเช่นกัน

BASE Playhouse มาพร้อมกับหลักสูตร “Generative AI in Action” ที่จะช่วยให้องค์กรและธุรกิจสามารถปลดล็อกศักยภาพในการคิดด้วย Generative AI ตลอดจนช่วยปูพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับ AI สำหรับทุกฟังก์ชันการทำงานในองค์กร พร้อมเรียนรู้เครื่องมือที่เหมาะสม จนนำไปปรับปรุงกระบวนการทำงานในองค์กรได้ทันที

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://corporate.baseplayhouse.co/generative-ai-in-action/ 

อ้างอิงข้อมูลจาก

7 ประโยชน์ของการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในภาคธุรกิจ, AI GEN