กระบวนการคิดเชิงออกแบบมีกี่ขั้นตอน? สรุปให้เข้าใจง่ายใน 5 นาที
ในยุคที่การทำงานต้องการไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์กรทั่วโลกนำมาใช้เพื่อพัฒนาทักษะ การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) และ การแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์

กระบวนการคิดเชิงออกแบบมีกี่ขั้นตอน? สรุปให้เข้าใจง่ายใน 5 นาที
ทำไม HR และ Learning & Development ต้องรู้จักกระบวนการคิดเชิงออกแบบ
ในยุคที่การทำงานต้องการไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์กรทั่วโลกนำมาใช้เพื่อพัฒนาทักษะ การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) และ การแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนก HR (ทรัพยากรบุคคล) และ Learning & Development (L&D) ที่ต้องออกแบบโปรแกรมพัฒนาบุคลากร Design Thinking สามารถช่วยสร้างแนวคิดแบบ User-Centered หรือการให้ความสำคัญกับ "ผู้ใช้" เป็นหลัก
HR และ L&D จะใช้ Design Thinking ได้อย่างไร?
- พัฒนา โปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากร (L&D Programs) ให้ตอบโจทย์พนักงาน
- ปรับปรุง Employee Experience ตั้งแต่การรับสมัครงานจนถึงการทำงาน
- สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
ถ้าคุณเป็น HR, L&D หรือผู้บริหารที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพทีม อ่านบทความนี้ให้จบ แล้วคุณจะเข้าใจ Design Thinking ใน 5 นาที
กระบวนการคิดเชิงออกแบบคืออะไร?
Design Thinking คือแนวคิดที่มุ่งเน้นการ แก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ (Creative Problem Solving) โดยให้ความสำคัญกับ "มนุษย์" เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered Design)
แนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี, การตลาด, UX/UI Design, การศึกษา และแน่นอน การพัฒนาทรัพยากรบุคคล
โมเดลที่ได้รับความนิยม
- Double Diamond (Design Council, UK) – แบ่งออกเป็น การเข้าใจปัญหา และ การหาทางแก้ไข
- 5 ขั้นตอนของ Stanford d.school – เป็นโมเดลที่ใช้งานจริงในบริษัทระดับโลก
กระบวนการคิดเชิงออกแบบมีกี่ขั้นตอน?
5 ขั้นตอนของ Design Thinking
โมเดลที่ได้รับความนิยมที่สุด คือ Stanford d.school's Design Thinking Process ซึ่งมี 5 ขั้นตอน ได้แก่
1. Empathize (เข้าใจผู้ใช้งาน)
"อย่าเพิ่งแก้ปัญหา ถ้ายังไม่เข้าใจคนที่มีปัญหา"
การทำ Empathy (ความเข้าอกเข้าใจ) ช่วยให้เรารู้ว่า "ผู้ใช้ต้องการอะไร" โดยใช้เทคนิคเช่น
- สัมภาษณ์ผู้ใช้งาน
- สังเกตพฤติกรรมในสถานการณ์จริง
- ทำ Empathy Map เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
ตัวอย่าง: HR ใช้ Empathize ยังไง?
- สัมภาษณ์พนักงานเกี่ยวกับประสบการณ์ในองค์กร
- วิเคราะห์ความต้องการของพนักงานก่อนออกแบบโปรแกรมอบรม
2. Define (กำหนดปัญหาให้ชัดเจน)
"เข้าใจปัญหาดีแค่ไหน จะช่วยให้แก้ปัญหาได้เร็วขึ้น"
หลังจากได้ข้อมูลจากขั้นตอนแรกแล้ว เราต้อง สรุปปัญหาที่แท้จริง ผ่านการตั้งโจทย์ เช่น
- "พนักงานไม่สนใจโปรแกรมอบรม" → ไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง
- "พนักงานรู้สึกว่าโปรแกรมอบรมไม่มีประโยชน์ต่อการทำงาน" → ปัญหาที่แท้จริง
เทคนิคการ Define
- ใช้ Problem Statement เพื่อกำหนดขอบเขตปัญหา
- ใช้ How Might We (HMW) Statements เช่น "เราจะทำให้การอบรมสนุกขึ้นได้อย่างไร?"
3. Ideate (ระดมไอเดียแก้ปัญหา)
"ไม่มีไอเดียไหนผิด มีแค่ไอเดียที่ยังไม่ได้ลอง"
ขั้นตอนนี้คือ การสร้างไอเดียให้มากที่สุด โดยใช้เทคนิค เช่น
- Brainstorming – คิดไอเดียออกมาเยอะๆ
- SCAMPER Technique – ลองเปลี่ยนแปลงแนวคิดเดิมๆ
ตัวอย่างการใช้ใน HR & L&D
- ออกแบบ e-Learning Course ที่มี Gamification
- สร้าง AI Chatbot ช่วยตอบคำถามพนักงาน
4. Prototype (สร้างต้นแบบ)
"สร้างก่อน แก้ไขทีหลัง"
การทำ Prototype คือการสร้าง ต้นแบบ (Mock-up) เพื่อนำไปทดลองใช้งาน เช่น
- ทำ Demo Version ของโปรแกรมอบรม
- ทดลองใช้ Employee Engagement Survey แบบใหม่
5. Test (ทดสอบและปรับปรุง)
"ทดลองกับผู้ใช้งานจริง แล้วปรับให้ดีขึ้น"
เมื่อมี Prototype แล้ว ก็ต้องทดสอบกับผู้ใช้งานจริงและเก็บฟีดแบค
ตัวอย่างการ Test ใน HR
- ทดลองอบรมกับพนักงานกลุ่มเล็กก่อนเปิดตัวจริง
- ใช้แบบสอบถามหลังอบรมเพื่อปรับปรุงหลักสูตร
วิธีนำ Design Thinking ไปปรับใช้ในทีม HR และ L&D
ประโยชน์ของ Design Thinking ในองค์กร
- เน้น User-Centered Mindset – ช่วยให้ HR เข้าใจพนักงานมากขึ้น
- เพิ่ม Collaboration – ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างทีม
ขั้นตอนเริ่มต้นสำหรับ HR & L&D
- จัดอบรมเรื่อง Design Thinking ให้ทีมงาน
- ใช้ Design Thinking Workshop ในการออกแบบโปรแกรมพัฒนาบุคลากร
กรณีศึกษา: องค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ Design Thinking
1. IBM: ใช้ Design Thinking พัฒนา Employee Experience
IBM ใช้ Design Thinking เพื่อออกแบบ ระบบ HR ที่ให้พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้น
2. Google: ใช้ Design Sprint เพื่อออกแบบการอบรมพนักงาน
Google นำ Design Thinking มาปรับใช้กับ Google’s Leadership Training
สรุป: กระบวนการคิดเชิงออกแบบใน 5 นาที
Design Thinking มี 5 ขั้นตอน:
- Empathize – เข้าใจปัญหาของผู้ใช้งาน
- Define – สรุปปัญหาที่แท้จริง
- Ideate – ระดมไอเดียแก้ปัญหา
- Prototype – สร้างต้นแบบ
- Test – ทดสอบและปรับปรุง
หลักสูตรแนะนำ

Design Thinking for Creating Innovation
ในยุคที่เทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ การนำทักษะการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ และใช้ในการแก้ไขปัญหาและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างคล่องตัว ผ่านการคิด และออกแบบนวัตกรรมใหม่ ๆ
คอร์สนี้เหมาะกับ
'Design Thinking for Creating Innovation' เหมาะสำหรับบุคลากรในระดับผู้จัดการ และผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดเชิงออกแบบอย่างสร้างสรรค์
สิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับ
- ได้รับมุมมองที่หลากหลาย - เริ่มจากความเข้าใจกระบวนการคิด ทำให้เกิดขึ้นได้จริง ประยุกต์ใช้เป็น เเละนำไปใช้กับทีมทำงานได้ เข้าใจลักษณะของแต่ละขั้นตอนที่แตกต่างกัน ที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทขององค์กรหรือของการทำงานที่แตกต่างกันได้
- ได้รับทักษะขั้นสูงของกระบวนการคิดเชิงออกแบบ - เพื่อทำให้ผู้เรียนมีทางเลือกในการหยิบทักษะแต่ละตัวไปใช้ และทำให้ผู้เรียนสามารถออกแบบวิธีการแก้ปัญหาได้ เมื่อเจอเคสในการสร้างนวัตกรรมจริงในองค์กร ที่ละเอียดและซับซ้อน พร้อมทั้งสามารถนำทักษะขั้นสูงไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มองภาพรวมที่ใหญ่กว่า - วิธีการการแก้ปัญหาที่ดี นอกจากจะต้องตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับมนุษย์ได้ ยังต้องสามารถต่อยอดเพื่อทำให้มันสามารถสร้างได้จริง และสามารถยั่งยืน (Sustain) ในมุมของธุรกิจได้ เพื่อทำให้ไอเดียหรือกระบวนการคิดที่ได้จากกระบวนการนี้ สามารถต่อยอดไปเป็นนวัตกรรมจริงในองค์กร
รายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม > อ่านที่นี่
ติดต่อปรึกษา BASE Playhouse ฟรี! โทร 094-191-4626 หรือกรอกข้อมูลเพื่อติดต่อกลับ ที่นี่