Design Thinking

กระบวนการคิดเชิงออกแบบมีกี่ขั้นตอน? สรุปให้เข้าใจง่ายใน 5 นาที

ในยุคที่การทำงานต้องการไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์กรทั่วโลกนำมาใช้เพื่อพัฒนาทักษะ การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) และ การแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์

April 3, 2025
·
0
mins
Peesadech Pechnoi (Mac)
ภีศเดช เพชรน้อย
กระบวนการคิดเชิงออกแบบมีกี่ขั้นตอน? สรุปให้เข้าใจง่ายใน 5 นาที

กระบวนการคิดเชิงออกแบบมีกี่ขั้นตอน? สรุปให้เข้าใจง่ายใน 5 นาที

ทำไม HR และ Learning & Development ต้องรู้จักกระบวนการคิดเชิงออกแบบ

ในยุคที่การทำงานต้องการไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์กรทั่วโลกนำมาใช้เพื่อพัฒนาทักษะ การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) และ การแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนก HR (ทรัพยากรบุคคล) และ Learning & Development (L&D) ที่ต้องออกแบบโปรแกรมพัฒนาบุคลากร Design Thinking สามารถช่วยสร้างแนวคิดแบบ User-Centered หรือการให้ความสำคัญกับ "ผู้ใช้" เป็นหลัก

HR และ L&D จะใช้ Design Thinking ได้อย่างไร?

  • พัฒนา โปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากร (L&D Programs) ให้ตอบโจทย์พนักงาน

  • ปรับปรุง Employee Experience ตั้งแต่การรับสมัครงานจนถึงการทำงาน

  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

ถ้าคุณเป็น HR, L&D หรือผู้บริหารที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพทีม อ่านบทความนี้ให้จบ แล้วคุณจะเข้าใจ Design Thinking ใน 5 นาที

กระบวนการคิดเชิงออกแบบคืออะไร?

Design Thinking คือแนวคิดที่มุ่งเน้นการ แก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ (Creative Problem Solving) โดยให้ความสำคัญกับ "มนุษย์" เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered Design)

แนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี, การตลาด, UX/UI Design, การศึกษา และแน่นอน การพัฒนาทรัพยากรบุคคล

โมเดลที่ได้รับความนิยม

  1. Double Diamond (Design Council, UK) – แบ่งออกเป็น การเข้าใจปัญหา และ การหาทางแก้ไข

  2. 5 ขั้นตอนของ Stanford d.school – เป็นโมเดลที่ใช้งานจริงในบริษัทระดับโลก

กระบวนการคิดเชิงออกแบบมีกี่ขั้นตอน?

5 ขั้นตอนของ Design Thinking

โมเดลที่ได้รับความนิยมที่สุด คือ Stanford d.school's Design Thinking Process ซึ่งมี 5 ขั้นตอน ได้แก่

1. Empathize (เข้าใจผู้ใช้งาน)

"อย่าเพิ่งแก้ปัญหา ถ้ายังไม่เข้าใจคนที่มีปัญหา"
การทำ Empathy (ความเข้าอกเข้าใจ) ช่วยให้เรารู้ว่า "ผู้ใช้ต้องการอะไร" โดยใช้เทคนิคเช่น

  • สัมภาษณ์ผู้ใช้งาน

  • สังเกตพฤติกรรมในสถานการณ์จริง

  • ทำ Empathy Map เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล

ตัวอย่าง: HR ใช้ Empathize ยังไง?

  • สัมภาษณ์พนักงานเกี่ยวกับประสบการณ์ในองค์กร

  • วิเคราะห์ความต้องการของพนักงานก่อนออกแบบโปรแกรมอบรม

2. Define (กำหนดปัญหาให้ชัดเจน)

"เข้าใจปัญหาดีแค่ไหน จะช่วยให้แก้ปัญหาได้เร็วขึ้น"
หลังจากได้ข้อมูลจากขั้นตอนแรกแล้ว เราต้อง สรุปปัญหาที่แท้จริง ผ่านการตั้งโจทย์ เช่น

  • "พนักงานไม่สนใจโปรแกรมอบรม" → ไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง

  • "พนักงานรู้สึกว่าโปรแกรมอบรมไม่มีประโยชน์ต่อการทำงาน" → ปัญหาที่แท้จริง

เทคนิคการ Define

  • ใช้ Problem Statement เพื่อกำหนดขอบเขตปัญหา

  • ใช้ How Might We (HMW) Statements เช่น "เราจะทำให้การอบรมสนุกขึ้นได้อย่างไร?"

3. Ideate (ระดมไอเดียแก้ปัญหา)

"ไม่มีไอเดียไหนผิด มีแค่ไอเดียที่ยังไม่ได้ลอง"
ขั้นตอนนี้คือ การสร้างไอเดียให้มากที่สุด โดยใช้เทคนิค เช่น

  • Brainstorming – คิดไอเดียออกมาเยอะๆ

  • SCAMPER Technique – ลองเปลี่ยนแปลงแนวคิดเดิมๆ

ตัวอย่างการใช้ใน HR & L&D

  • ออกแบบ e-Learning Course ที่มี Gamification

  • สร้าง AI Chatbot ช่วยตอบคำถามพนักงาน

4. Prototype (สร้างต้นแบบ)

"สร้างก่อน แก้ไขทีหลัง"
การทำ Prototype คือการสร้าง ต้นแบบ (Mock-up) เพื่อนำไปทดลองใช้งาน เช่น

  • ทำ Demo Version ของโปรแกรมอบรม

  • ทดลองใช้ Employee Engagement Survey แบบใหม่

5. Test (ทดสอบและปรับปรุง)

"ทดลองกับผู้ใช้งานจริง แล้วปรับให้ดีขึ้น"
เมื่อมี Prototype แล้ว ก็ต้องทดสอบกับผู้ใช้งานจริงและเก็บฟีดแบค

ตัวอย่างการ Test ใน HR

  • ทดลองอบรมกับพนักงานกลุ่มเล็กก่อนเปิดตัวจริง

  • ใช้แบบสอบถามหลังอบรมเพื่อปรับปรุงหลักสูตร

วิธีนำ Design Thinking ไปปรับใช้ในทีม HR และ L&D

ประโยชน์ของ Design Thinking ในองค์กร

  • เน้น User-Centered Mindset – ช่วยให้ HR เข้าใจพนักงานมากขึ้น

  • เพิ่ม Collaboration – ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างทีม

ขั้นตอนเริ่มต้นสำหรับ HR & L&D

  • จัดอบรมเรื่อง Design Thinking ให้ทีมงาน

  • ใช้ Design Thinking Workshop ในการออกแบบโปรแกรมพัฒนาบุคลากร

กรณีศึกษา: องค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ Design Thinking

1. IBM: ใช้ Design Thinking พัฒนา Employee Experience

IBM ใช้ Design Thinking เพื่อออกแบบ ระบบ HR ที่ให้พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้น

2. Google: ใช้ Design Sprint เพื่อออกแบบการอบรมพนักงาน

Google นำ Design Thinking มาปรับใช้กับ Google’s Leadership Training

สรุป: กระบวนการคิดเชิงออกแบบใน 5 นาที

Design Thinking มี 5 ขั้นตอน:

  • Empathize – เข้าใจปัญหาของผู้ใช้งาน

  • Define – สรุปปัญหาที่แท้จริง

  • Ideate – ระดมไอเดียแก้ปัญหา

  • Prototype – สร้างต้นแบบ

  • Test – ทดสอบและปรับปรุง

หลักสูตรแนะนำ

Design Thinking for Creating Innovation

ในยุคที่เทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ การนำทักษะการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ และใช้ในการแก้ไขปัญหาและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างคล่องตัว ผ่านการคิด และออกแบบนวัตกรรมใหม่ ๆ

คอร์สนี้เหมาะกับ

'Design Thinking for Creating Innovation' เหมาะสำหรับบุคลากรในระดับผู้จัดการ และผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดเชิงออกแบบอย่างสร้างสรรค์

สิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับ

  • ได้รับมุมมองที่หลากหลาย - เริ่มจากความเข้าใจกระบวนการคิด ทำให้เกิดขึ้นได้จริง ประยุกต์ใช้เป็น เเละนำไปใช้กับทีมทำงานได้ เข้าใจลักษณะของแต่ละขั้นตอนที่แตกต่างกัน ที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทขององค์กรหรือของการทำงานที่แตกต่างกันได้
  • ได้รับทักษะขั้นสูงของกระบวนการคิดเชิงออกแบบ - เพื่อทำให้ผู้เรียนมีทางเลือกในการหยิบทักษะแต่ละตัวไปใช้ และทำให้ผู้เรียนสามารถออกแบบวิธีการแก้ปัญหาได้ เมื่อเจอเคสในการสร้างนวัตกรรมจริงในองค์กร ที่ละเอียดและซับซ้อน พร้อมทั้งสามารถนำทักษะขั้นสูงไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มองภาพรวมที่ใหญ่กว่า - วิธีการการแก้ปัญหาที่ดี นอกจากจะต้องตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับมนุษย์ได้ ยังต้องสามารถต่อยอดเพื่อทำให้มันสามารถสร้างได้จริง และสามารถยั่งยืน (Sustain) ในมุมของธุรกิจได้ เพื่อทำให้ไอเดียหรือกระบวนการคิดที่ได้จากกระบวนการนี้ สามารถต่อยอดไปเป็นนวัตกรรมจริงในองค์กร

รายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม > อ่านที่นี่

ติดต่อปรึกษา BASE Playhouse ฟรี! โทร 094-191-4626 หรือกรอกข้อมูลเพื่อติดต่อกลับ ที่นี่