Business Acumen

ยิงแอดยังไม่เวิร์ค ? มารู้จัก 5A Marketing Funnel และ Metric สำคัญกัน!

เรียนรู้เกี่ยวกับ 5A Marketing Funnel และ Metrics สำคัญที่จะช่วยให้การยิงแอดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมเทคนิคการวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดออนไลน์

November 5, 2024
·
0
mins
Kan Sirarojanakul (Kan)
กัญจน์ ศิระโรจนกุล
ยิงแอดยังไม่เวิร์ค ? มารู้จัก 5A Marketing Funnel และ Metric สำคัญกัน!

ยิงแอดยังไม่เวิร์ค ? มารู้จัก 5A Marketing Funnel และ Metric สำคัญกัน!

สวัสดีครับเพื่อนๆ นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจทุกคน! วันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่หลายคนอาจจะกำลังปวดหัวอยู่ นั่นก็คือการยิงแอดที่ยังไม่เวิร์คสักที ทำไมถึงเป็นแบบนี้ และเราจะแก้ไขยังไงดี? ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะวันนี้ผมจะพาทุกคนมารู้จักกับ 5A Marketing Funnel และ Metric สำคัญที่จะช่วยให้การยิงแอดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน!

ทำความรู้จักกับ 5A Marketing Funnel

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกับ Marketing Funnel กันก่อนดีกว่าครับ Marketing Funnel คืออะไร? ง่ายๆ ก็คือ เส้นทางที่ลูกค้าเดินทางจากการรู้จักแบรนด์ของเราครั้งแรก ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อและบอกต่อนั่นเอง

5A Marketing Funnel ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่:

  1. Awareness (การรับรู้)
  2. Appeal (ความสนใจ)
  3. Ask (การสอบถาม)
  4. Action (การตัดสินใจซื้อ)
  5. Advocacy (การบอกต่อ)

1. Awareness (การรับรู้)

ขั้นตอนแรกนี้สำคัญมากครับ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่ลูกค้าจะรู้จักแบรนด์ของเรา ในขั้นนี้ เราต้องทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งการยิงแอดก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้มากเลยล่ะครับ

ตัวชี้วัดสำคัญในขั้นนี้ ได้แก่:

  • Impression: จำนวนครั้งที่โฆษณาของเราถูกแสดง
  • Reach: จำนวนคนที่เห็นโฆษณาของเรา

2. Appeal (ความสนใจ)

หลังจากที่ลูกค้ารู้จักเราแล้ว ขั้นต่อไปคือการทำให้เขาสนใจในสิ่งที่เรานำเสนอ ต้องทำให้เนื้อหาหรือโฆษณาของเราน่าสนใจ ดึงดูดใจ และตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

ตัวชี้วัดสำคัญในขั้นนี้ ได้แก่:

  • Engagement Rate: อัตราการมีส่วนร่วมกับโฆษณาของเรา เช่น การกดไลค์ คอมเมนต์ แชร์
  • Click-Through Rate (CTR): อัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์หรือหน้าลงทะเบียนของเรา

3. Ask (การสอบถาม)

ในขั้นนี้ ลูกค้าเริ่มสนใจจริงจังและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม อาจจะมีการสอบถามผ่านช่องทางต่างๆ เช่น แชท อีเมล หรือโทรศัพท์ เราต้องเตรียมพร้อมให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและรวดเร็ว

ตัวชี้วัดสำคัญในขั้นนี้ ได้แก่:

  • Conversion Rate: อัตราการเปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสูง
  • Lead Generation: จำนวนผู้ที่แสดงความสนใจและให้ข้อมูลติดต่อ

4. Action (การตัดสินใจซื้อ)

นี่คือขั้นตอนที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของเรา เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากเพราะเป็นจุดที่เราจะได้รับรายได้

ตัวชี้วัดสำคัญในขั้นนี้ ได้แก่:

  • Sales Conversion Rate: อัตราการเปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นลูกค้าที่ซื้อจริง
  • Revenue: รายได้ที่เกิดขึ้นจากการขาย

5. Advocacy (การบอกต่อ)

ขั้นตอนสุดท้ายนี้สำคัญไม่แพ้ขั้นอื่นๆ เลยครับ เพราะเป็นการที่ลูกค้าพึงพอใจในสินค้าหรือบริการของเรามากพอที่จะแนะนำต่อให้คนอื่น ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าของเราได้อีกมาก

ตัวชี้วัดสำคัญในขั้นนี้ ได้แก่:

  • Customer Lifetime Value (CLV): มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับจากลูกค้าตลอดช่วงความสัมพันธ์
  • Net Promoter Score (NPS): คะแนนที่บ่งบอกว่าลูกค้าจะแนะนำเราต่อหรือไม่

Metrics สำคัญในแต่ละขั้นตอนของ Funnel

เรามาดูรายละเอียดของ Metrics สำคัญในแต่ละขั้นตอนกันครับ

Awareness Metrics

  1. Impression Impression คือจำนวนครั้งที่โฆษณาของเราถูกแสดง ไม่ว่าจะมีคนคลิกหรือไม่ก็ตาม ยิ่ง Impression สูง แสดงว่าโฆษณาของเรามีโอกาสเข้าถึงคนได้มากขึ้น
  2. Reach Reach คือจำนวนคนที่เห็นโฆษณาของเรา ต่างจาก Impression ตรงที่ Reach นับเฉพาะคนที่เห็นโฆษณาเราครั้งแรกเท่านั้น

ทั้ง Impression และ Reach เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญมากในการวัดการเข้าถึงของโฆษณาเราครับ

Appeal Metrics

  1. Engagement Rate Engagement Rate คืออัตราการมีส่วนร่วมกับโฆษณาของเรา เช่น การกดไลค์ คอมเมนต์ แชร์ ยิ่ง Engagement Rate สูง แสดงว่าเนื้อหาของเราน่าสนใจและตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
  2. Click-Through Rate (CTR) CTR คืออัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์หรือหน้าลงทะเบียนของเราเทียบกับจำนวนครั้งที่โฆษณาถูกแสดง CTR ที่สูงบ่งบอกว่าโฆษณาของเราน่าสนใจและดึงดูดให้คนอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม

Ask Metrics

  1. Conversion Rate Conversion Rate คืออัตราการเปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสูง เช่น การกรอกฟอร์มขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือการลงทะเบียนทดลองใช้สินค้า
  2. Lead Generation Lead Generation คือจำนวนผู้ที่แสดงความสนใจและให้ข้อมูลติดต่อ เช่น อีเมล หรือเบอร์โทรศัพท์ ยิ่งเรามี Lead เยอะ โอกาสในการปิดการขายก็มีมากขึ้น

Action Metrics

  1. Sales Conversion Rate Sales Conversion Rate คืออัตราการเปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นลูกค้าที่ซื้อจริง เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญมากเพราะบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของกระบวนการขายของเรา
  2. Revenue Revenue คือรายได้ที่เกิดขึ้นจากการขาย เป็นตัวชี้วัดสุดท้ายที่บอกว่าการตลาดของเราประสบความสำเร็จแค่ไหน

Advocacy Metrics

  1. Customer Lifetime Value (CLV) CLV คือมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับจากลูกค้าตลอดช่วงความสัมพันธ์ ยิ่ง CLV สูง แสดงว่าลูกค้าของเรามีความภักดีและมีแนวโน้มที่จะซื้อซ้ำหรือแนะนำต่อ
  2. Net Promoter Score (NPS) NPS คือคะแนนที่บ่งบอกว่าลูกค้าจะแนะนำเราต่อหรือไม่ NPS ที่สูงแสดงว่าลูกค้าพึงพอใจมากและมีแนวโน้มที่จะบอกต่อ

การประยุกต์ใช้ Marketing Funnel และ Metrics ในการยิงแอด

ทีนี้ เรามาดูกันว่าเราจะนำ Marketing Funnel และ Metrics เหล่านี้มาใช้ในการยิงแอดให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไรบ้าง

วิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

เมื่อเรายิงแอดไปแล้ว เราต้องติดตามผลอย่างใกล้ชิดครับ โดยดูจาก Metrics ต่างๆ ที่เราพูดถึงไปแล้ว เช่น:

  • ถ้า Impression และ Reach ต่ำ แสดงว่าเราอาจต้องปรับกลุ่มเป้าหมายหรือเพิ่มงบประมาณ
  • ถ้า CTR ต่ำ แสดงว่าเนื้อหาโฆษณาของเราอาจยังไม่น่าสนใจพอ ต้องปรับปรุง
  • ถ้า Conversion Rate ต่ำ แสดงว่าอาจมีปัญหาที่หน้าลงทะเบียนหรือกระบวนการซื้อ ต้องตรวจสอบและแก้ไข

ปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดออนไลน์

จากผลการวิเคราะห์ เราสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้ เช่น:

  • ปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำมากขึ้น
  • ปรับปรุงเนื้อหาโฆษณาให้น่าสนใจและตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
  • ปรับปรุงหน้าลงทะเบียนหรือหน้าขายให้ใช้งานง่ายและน่าเชื่อถือมากขึ้น
  • พัฒนาระบบการให้บริการหลังการขายเพื่อเพิ่ม CLV และ NPS

การตั้งเป้าหมายและ KPIs ที่เหมาะสม

การตั้งเป้าหมายและ KPIs ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมากครับ เพราะจะช่วยให้เรามีทิศทางในการทำงานและวัดผลได้อย่างชัดเจน โดยเราควรตั้งเป้าหมายในแต่ละขั้นของ Funnel ดังนี้:

  • Awareness: ตั้งเป้า Impression และ Reach ที่ต้องการ
  • Appeal: กำหนด Engagement Rate และ CTR ที่ต้องการ
  • Ask: ตั้งเป้าจำนวน Lead ที่ต้องการได้
  • Action: กำหนด Conversion Rate และยอดขายที่ต้องการ
  • Advocacy: ตั้งเป้า NPS ที่ต้องการ

การตั้งเป้าหมายแบบนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของ Funnel และสามารถปรับปรุงแต่ละขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

แนวทางการพัฒนาทักษะทีมการตลาดด้าน Performance Marketing

การพัฒนาทักษะของทีมการตลาดเป็นสิ่งสำคัญมากในยุคดิจิทัลนี้ครับ เรามาดูกันว่าเราจะพัฒนาทีมได้อย่างไรบ้าง

การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ

การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นวิธีที่ดีมากในการพัฒนาทักษะของทีม โดยเราอาจจะเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ หรือส่งทีมไปอบรมภายนอกก็ได้ครับ เนื้อหาที่ควรเน้นได้แก่:

  • การวิเคราะห์ข้อมูลและ Metrics ต่างๆ
  • การสร้างและออกแบบโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ
  • การใช้เครื่องมือ Advertising ต่างๆ เช่น Facebook Ads, Google Ads

การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล

ในยุคนี้ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจได้ ดังนั้น การฝึกให้ทีมคุ้นเคยกับเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เช่น:

  • Google Analytics สำหรับวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซต์
  • Facebook Insights สำหรับวิเคราะห์ผลงานบน Facebook
  • Data Studio สำหรับสร้าง Dashboard แสดงผลข้อมูล

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

นอกจากการพัฒนาทักษะแล้ว การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลก็สำคัญไม่แพ้กันครับ เราควรส่งเสริมให้ทีมใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ และเปิดโอกาสให้ทุกคนเสนอความคิดเห็นบนพื้นฐานของข้อมูลที่มี

กรณีศึกษา: ความสำเร็จจากการใช้ Marketing Funnel และ Metrics

ผมขอยกตัวอย่างกรณีศึกษาจากประสบการณ์ของผมเองนะครับ เคยมีลูกค้าที่ทำธุรกิจ e-commerce ขายเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์ เขามาปรึกษาเรื่องยอดขายที่ตกลงอย่างมาก

หลังจากที่เราวิเคราะห์ Marketing Funnel และ Metrics ต่างๆ แล้ว พบว่า:

  • Awareness ดี: Impression และ Reach สูง
  • Appeal ต่ำ: CTR ต่ำมาก แสดงว่าโฆษณาไม่น่าสนใจ
  • Ask ปานกลาง: มีคนสอบถามข้อมูลพอสมควร
  • Action ต่ำ: Conversion Rate ต่ำมาก
  • Advocacy แทบไม่มี: NPS ต่ำ

จากข้อมูลนี้ เราจึงปรับกลยุทธ์ดังนี้:

  1. ปรับปรุงเนื้อหาโฆษณาให้น่าสนใจมากขึ้น โดยเน้นจุดเด่นของสินค้าและโปรโมชั่น
  2. ปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายขึ้น และเพิ่มรีวิวจากลูกค้าจริง
  3. พัฒนาระบบการให้บริการหลังการขาย และขอ Feedback จากลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ

ผลลัพธ์ที่ได้คือ:

  • CTR เพิ่มขึ้น 50%
  • Conversion Rate เพิ่มขึ้น 30%
  • ยอดขายเพิ่มขึ้น 40% ภายใน 3 เดือน
  • NPS เพิ่มขึ้นจาก 20 เป็น 60

นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการใช้ Marketing Funnel และ Metrics อย่างถูกต้องสามารถช่วยปรับปรุงผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

สรุป

การเข้าใจและใช้ Marketing Funnel และ Metrics อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำการตลาดออนไลน์ครับ มันไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้เราสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

ประโยชน์ที่องค์กรและทีมการตลาดจะได้รับ ได้แก่:

  1. การใช้งบประมาณการตลาดอย่างคุ้มค่า
  2. การเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา
  3. การเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น
  4. การเพิ่มยอดขายและรายได้

สำหรับแนวทางการนำไปปฏิบัติจริง ผมขอแนะนำดังนี้ครับ:

  1. เริ่มจากการทำความเข้าใจ Marketing Funnel และ Metrics ต่างๆ ให้ชัดเจน
  2. ตั้งเป้าหมายและ KPIs ที่ชัดเจนในแต่ละขั้นของ Funnel
  3. ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ
  4. ปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องตามผลลัพธ์ที่ได้
  5. พัฒนาทักษะของทีมอย่างสม่ำเสมอ

สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจเรื่อง Marketing Funnel และ Metrics มากขึ้น และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพนะครับ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถคอมเมนต์ถามได้เลยครับ ผมยินดีตอบทุกคำถามครับ!

คำถามท้ายบท

  1. คุณเคยใช้ Marketing Funnel ในการวางแผนการตลาดของคุณหรือไม่? ถ้าเคย มีประสบการณ์อย่างไรบ้าง?
  2. Metrics ไหนที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ? เพราะอะไร?
  3. หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณคิดว่าจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดของคุณอย่างไรบ้าง?

ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็น้อยครับ!