Design Thinking

ปิดจบทุกปัญหาที่ไม่เคยแก้ไขได้ ด้วย “กระบวนการคิดเชิงออกแบบ”

Design Thinking เป็นกระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ โดยให้ความสำคัญกับความต้องการลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งเป็นแนวคิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงจนองค์กรระดับโลกเลือกใช้

March 21, 2025
·
0
mins
Ketsara Numtummawong
เกสรา นำธรรมวงศ์
ปิดจบทุกปัญหาที่ไม่เคยแก้ไขได้ ด้วย “กระบวนการคิดเชิงออกแบบ”

ปิดจบทุกปัญหาที่ไม่เคยแก้ไขได้ ด้วย “กระบวนการคิดเชิงออกแบบ”

กระบวนการคิดเชิงออกแบบ แค่ได้ยินชื่อหลาย ๆ คนก็อาจจะคิดถึงงานศิลปะ การวาดรูป การทำกราฟิก หรืออะไรก็ตามที่ต้องใช้จินตนาการก่อนเป็นอันดับแรก ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดมหันต์! เพราะจริง ๆ แล้ว กระบวนการคิดเชิงออกแบบหรือ Design Thinking เป็นกระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ โดยให้ความสำคัญกับความต้องการลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งเป็นแนวคิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงจนองค์กรระดับโลกเลือกใช้

ดังนั้น ในบทความนี้ BASE Playhouse จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจอย่างละเอียดว่ากระบวนการคิดเชิงออกแบบมีกี่ขั้นตอน พร้อมแนะนำ 3 โมเดลน่าสนใจที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระบวนการคิดเชิงออกแบบ

เสกนวัตกรรมแห่งอนาคตให้โดนใจลูกค้าด้วย 5 กระบวนการคิดเชิงออกแบบ

เคยหรือไม่? แก้ปัญหาอย่างไรก็ไม่เวิร์กเสียที วันนี้ BASE Playhouse ขอแนะนำ “กระบวนการคิดเชิงออกแบบ” หลักการแก้ปัญหาดี ๆ ที่จะช่วยให้การจัดการปัญหาภายในองค์กรของคุณง่ายราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก ไม่ว่าจะโซลูชันไหนหรือผลิตภัณฑ์อะไรก็ซื้อใจลูกค้าได้อย่างแน่นอน

1. Empathize

กระบวนการคิดเชิงออกแบบขั้นตอนแรก Empathize หรือการเข้าใจปัญหา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการคิดเชิงออกแบบ เพราะเป็นขั้นตอนในการรวบรวมข้อมูลจากพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปัญหาในมุมมองที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนอย่างลึกซึ้ง จนเข้าถึงความต้องการและความรู้สึกของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยสามารถทำได้ทั้งการสังเกต การสัมภาษณ์ หรือการทดลองเป็นผู้บริโภคเอง

2. Define

กระบวนการคิดเชิงออกแบบขั้นตอนที่สอง Define หรือการกำหนดปัญหา เป็นขั้นตอนแห่งการสังเคราะห์ปัญหาทั้งหมดที่ได้รวบรวมไว้ในขั้นตอน Empathize จากนั้นสมาชิกภายในทีมต้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เพื่อกำหนด “ปัญหาหลัก” ที่เป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมดให้ชัดเจน

3. Ideate

กระบวนการคิดเชิงออกแบบขั้นตอนที่สาม Ideate หรือการระดมความคิดเห็น ขั้นตอนแห่งการจุดประกายความคิดและปลดปล่อยทุกความเป็นไปได้ในจินตนาการให้ออกมาโลดแล่นอยู่ในชีวิตจริง โดยเน้นการคิดอย่างสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบแบบไม่มีข้อจำกัด ยิ่งคิดไอเดียแปลกใหม่ได้ยิ่งดี!

4. Prototype

กระบวนการคิดเชิงออกแบบขั้นตอนที่สี่ Prototype หรือการสร้างต้นแบบ เป็นขั้นตอนที่จะเนรมิตไอเดียที่ทุกคนตกลงปลงใจว่าจะทำให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่างแท้จริง เพื่อนำไปทดสอบกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในขั้นตอนถัดไป 

5. Test

กระบวนการคิดเชิงออกแบบขั้นตอนสุดท้าย Test หรือการทดสอบ เป็นการนำต้นแบบจากขั้นตอน Prototype มาทดสอบกับผู้ใช้งานจริงเพื่อเก็บฟีดแบ็ก หากพบข้อบกพร่องของโซลูชันหรือผลิตภัณฑ์ก็จะสามารถนำกลับมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้ทันเวลา ซึ่งเป็นการประหยัดทรัพยากรไม่ให้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ รวมถึงลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนหากผลิตภัณฑ์ไม่เป็นที่ต้องการของลูกค้าในตลาดอีกด้วย

ตัวอย่าง “โมเดล” ที่น่าสนใจจากกระบวนการคิดเชิงออกแบบ

1. Double Diamond Model

โมเดลแรกของกระบวนการคิด คือ Double Diamond Model หรือโมเดลเพชรคู่ ถูกคิดค้นโดย UK Design Council ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่เรียกว่า “4D” ได้แก่ Discover, Define, Develop และ Deliver

1.1 Discover

Discover หรือการค้นพบปัญหา เป็นขั้นตอนแรก Double Diamond Model ซึ่งเป็นการทำความเข้าใจปัญหาผ่านการสังเกตโลกในมุมมองใหม่ ๆ อย่างละเอียดลึกซึ้งให้ครบทุกมิติโดยปราศจากการตั้งสมมติฐานและอคติส่วนตัว เพื่อเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่การสร้างโซลูชันและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด

1.2 Define

Define หรือการกำหนดปัญหา โดยนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากขั้นตอน Discover มาวิเคราะห์และกลั่นกรองอย่างรอบคอบเพื่อระบุให้ได้ว่าปัญหาใดคือต้นตอที่แท้จริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด การกำหนดปัญหาอย่างชัดเจนจะทำให้องค์กรสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและมีทิศทางในการวางแผนที่แน่ชัด ซึ่งส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

1.3 Develop

Develop หรือการพัฒนา เป็นขั้นตอนของการระดมสมองเพื่อหา “วิธีแก้ปัญหา” ที่เราได้กำหนดไว้ในขั้นตอน Define โดยขั้นตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ การคิดนอกกรอบ รวมไปถึงการพูดคุยเพื่อแชร์มุมมองแปลกใหม่ เพื่อให้เกิดเป็นไอเดียสุดเจ๋งที่สามารถนำไปต่อยอดในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้จริง

1.4 Deliver

Deliver หรือการนำไปปฏิบัติจริง เป็นขั้นตอนสุดท้ายของ Double Diamond Model ซึ่งเป็นขั้นตอนแห่งการทดสอบว่าโซลูชันหรือนวัตกรรมที่เราคิดค้นและพัฒนาขึ้นมานั้นมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ โดยการนำไปทดลองกับผู้ใช้งานจริงและเก็บฟีดแบ็กมาพัฒนาต่อไปให้ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐาน

2. 3H Model

โมเดลที่สองของกระบวนการคิด คือ 3H Model เป็นโมเดลที่เน้นการใช้ 3 ด้านที่สำคัญสำหรับการพัฒนาโซลูชันและผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีที่สุด ได้แก่ Head, Heart และ Hand

2.1 Head

H ตัวแรก คือ Head หรือหัว ซึ่งเป็นด้านที่เกี่ยวข้องกับ “ความคิด” ทั้งการคิดวิเคราะห์ข้อมูล การคิดเชิงตรรกะ ไปจนถึงการคิดแก้ไขปัญหาด้วยเหตุผล โดยมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจข้อมูลและปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด

2.2 Heart

H ตัวที่สอง คือ Heart หรือหัวใจ ซึ่งเป็นด้านที่เกี่ยวข้องกับ “ความรู้สึก” เป็นขั้นตอนแห่งการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยการรับฟีดแบ็กความต้องการของผู้ใช้งานจริง แสดงความเห็นอกเห็นใจ และพยายามตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้รวดเร็วมากที่สุด

2.3 Hand

H ตัวที่สาม คือ Hand หรือมือ ซึ่งเป็นด้านที่เกี่ยวข้องกับ “การลงมือทำ” เป็นขั้นตอนในการทำปัญหาทั้งหมดมาวิเคราะห์เพื่อออกแบบโซลูชันหรือสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยให้ความสำคัญกับการทดลองกับผู้ใช้งานจริงและนำผลลัพธ์ที่ได้มาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์แบบต่อ ๆ ไป

3. Design Sprint

โมเดลสุดท้ายของกระบวนการคิด คือ Design Sprint ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นจากกระบวนการคิดเชิงออกแบบโดย Google Ventures ซึ่งจุดเด่นของ Design Sprint คือ “การแก้ไขปัญหาภายในระยะเวลา 5 วัน” เป็นการเน้นความรวดเร็วในการแก้ปัญหา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคเทคโนโลยีได้ทันใจ

โดยโมเดล Design Sprint จะแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่ Map, Sketch, Decide, Prototype และ Test

3.1 Map

ขั้นตอนแรก คือ Map สิ่งที่จะทำในวันแรกของ Design Sprint จะเป็นการ “ตั้งเป้าหมาย” ให้ชัดเจนว่าปัญหาคืออะไรหรือต้องการทำสิ่งใด โดยเริ่มจากการรวบรวมฟีดแบ็กจากผู้ใช้งานจริงและข้อมูลที่จำเป็นจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เข้าใจข้อมูลเชิงลึกของปัญหามากยิ่งขึ้น

3.2 Sketch

ขั้นตอนที่สอง คือ Sketch เป็นขั้นตอนที่จะทำกันในวันที่สองนั่นก็คือ Work Alone Together โดยการให้สมาชิกภายในทีมแต่ละคนแยกย้ายกันไปสร้างสรรค์ไอเดียมาคนละหนึ่งไอเดีย จากนั้นค่อยกลับมา Brainstorm เพื่อหาไอเดียที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในการนำไปพัฒนาขั้นต่อไป

3.3 Decide

ขั้นตอนที่สาม คือ Decide วันที่สามของ Design Sprint จะเป็นการ “ตัดสินใจ” เลือกไอเดียที่ดีที่สุดและสามารถเป็นไปได้จริง เพื่อนำไปสร้าง Prototype ในขั้นตอนต่อไป โดยใช้วิธี Silent Review หรือการประเมินผลงานอย่างเงียบ ๆ โดยปราศจากอคติส่วนตัว

3.4 Prototype

ขั้นตอนที่สี่ คือ Prototype ขั้นตอน Design Sprint วันที่สี่ เป็นการ “สร้างต้นแบบ” จำลองขึ้นมาเพื่อนำไปทดสอบจริง โดยมีระยะเวลาแค่เพียง 1 วันในการเนรมิตไอเดียออกมาเป็นต้นแบบจริง ๆ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก

3.5 Test

ขั้นตอนที่ห้า คือ Test วันสุดท้ายของการทำ Design Sprint เป็นการทดสอบต้นแบบจำลองกับผู้ใช้งานจริงว่ามีความคิดเห็นอย่างไร มีจุดบกพร่องตรงไหน ก่อนนำผลตอบรับนั้นมาปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการ

กระบวนการคิดเชิงออกแบบ หรือ Design Thinking เป็นตัวช่วยดี ๆ ที่จะช่วยจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสร้างความพึงพอใจและประสบการณ์ดี ๆ ให้กับผู้บริโภคจนกลายเป็น Brand Loyalty ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจขององค์กรคุณเติบโตอย่างรวดเร็วและโดดเด่นเหนือใคร

อ้างอิงจาก

Double Diamond Design Process กระบวนการคิด ฝึกความคิดสร้างสรรค์ ยุคใหม่, Code Genius

Design Sprint (สร้างไอเดียให้ได้ใจลูกค้าใน 5 วัน) คืออะไร?, Medium

Design Thinking การคิดเชิงออกแบบ เครื่องมือขับเคลื่อนองค์กร, disrupt

หลักสูตรแนะนำ

Design Thinking for Creating Innovation

ในยุคที่เทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ การนำทักษะการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ และใช้ในการแก้ไขปัญหาและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างคล่องตัว ผ่านการคิด และออกแบบนวัตกรรมใหม่ ๆ

คอร์สนี้เหมาะกับ

'Design Thinking for Creating Innovation' เหมาะสำหรับบุคลากรในระดับผู้จัดการ และผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดเชิงออกแบบอย่างสร้างสรรค์

สิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับ

  • ได้รับมุมมองที่หลากหลาย - เริ่มจากความเข้าใจกระบวนการคิด ทำให้เกิดขึ้นได้จริง ประยุกต์ใช้เป็น เเละนำไปใช้กับทีมทำงานได้ เข้าใจลักษณะของแต่ละขั้นตอนที่แตกต่างกัน ที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทขององค์กรหรือของการทำงานที่แตกต่างกันได้
  • ได้รับทักษะขั้นสูงของกระบวนการคิดเชิงออกแบบ - เพื่อทำให้ผู้เรียนมีทางเลือกในการหยิบทักษะแต่ละตัวไปใช้ และทำให้ผู้เรียนสามารถออกแบบวิธีการแก้ปัญหาได้ เมื่อเจอเคสในการสร้างนวัตกรรมจริงในองค์กร ที่ละเอียดและซับซ้อน พร้อมทั้งสามารถนำทักษะขั้นสูงไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มองภาพรวมที่ใหญ่กว่า - วิธีการการแก้ปัญหาที่ดี นอกจากจะต้องตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับมนุษย์ได้ ยังต้องสามารถต่อยอดเพื่อทำให้มันสามารถสร้างได้จริง และสามารถยั่งยืน (Sustain) ในมุมของธุรกิจได้ เพื่อทำให้ไอเดียหรือกระบวนการคิดที่ได้จากกระบวนการนี้ สามารถต่อยอดไปเป็นนวัตกรรมจริงในองค์กร

รายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม > อ่านที่นี่

ติดต่อปรึกษา BASE Playhouse ฟรี! โทร 094-191-4626 หรือกรอกข้อมูลเพื่อติดต่อกลับ ที่นี่