Leadership

The Future Of Work 2025 และบทบาทผู้นำองค์กรที่เปลี่ยนไป

ในยุคที่การมาถึงของ AI Disruption เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนตลอดจนการทำงาน ก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ รวมถึงสร้างโอกาสเติบโตให้กับธุรกิจ “ผู้นำ” (Leadership) จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถก้าวข้ามผ่านความท้าทายในการเปลี่ยนแปลง (Transformation Challenge) ได้อย่างราบรื่น ในขณะเดียวกัน หากผู้นำไม่สามารถปรับตัวได้อย่างทันท่วงที หรือไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสม อาจทำให้องค์กรพลาดโอกาสสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลานี้

April 1, 2025
·
0
mins
Ketsara Numtummawong
เกสรา นำธรรมวงศ์
The Future Of Work 2025 และบทบาทผู้นำองค์กรที่เปลี่ยนไป

The Future Of Work 2025 และบทบาทผู้นำองค์กรที่เปลี่ยนไป

ในยุคที่การมาถึงของ AI Disruption เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนตลอดจนการทำงาน ก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ รวมถึงสร้างโอกาสเติบโตให้กับธุรกิจ “ผู้นำ” (Leadership) จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถก้าวข้ามผ่านความท้าทายในการเปลี่ยนแปลง (Transformation Challenge) ได้อย่างราบรื่น ในขณะเดียวกัน หากผู้นำไม่สามารถปรับตัวได้อย่างทันท่วงที หรือไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสม อาจทำให้องค์กรพลาดโอกาสสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลานี้

บทบาทของผู้นำในปี 2025: The Roles Of Future Leaders

Transformation Challenge คือตัวแปรสำคัญที่จะได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของ AI Disruption โดย Learning Partner จาก BASE Playhouse ได้ใช้เวลาเก็บข้อมูล ค้นคว้าและวิเคราะห์ออกมา ทำให้เห็นถึง “บทบาทผู้นำ (The Roles Of Future Leaders)” แห่งอนาคตที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไป จนเกิดเป็น 4 ทักษะ เพื่อจัดการกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในองค์กร ได้แก่ ทักษะการ Adapt, Align, Optimize และ Empower

1. Adapt

อย่างแรก คือ “Adapt” เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางของธุรกิจ (Business Direction Transfomation) และการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน (Process Transfomation) การรับมือกับความท้าทายนี้จำเป็นต้องใช้มุมมองของผู้นำที่มี Growth Mindset เนื่องจากต้องเป็นผู้ที่พร้อมเรียนรู้และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ในการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาธุรกิจและขับเคลื่อนองค์กร โดยมีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญทั้งหมด 3 เรื่อง

1.1 Change-Maker

ผู้นำต้องเป็น “Change-Maker” หรือผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง เป็นคนสำคัญที่ต้องวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ความเสี่ยง และเป็น Facilitator หรือตัวกลางในการประสานงานในการทำงานต่าง ๆ ร่วมกันให้เกิดขึ้นได้จริง

1.2 Strategic Influencer

ผู้นำต้องเป็น “Strategic Influencer” มองเห็นภาพใหญ่ของธุรกิจ คิดเชิงกลยุทธ์เพื่อปรับแนวทางธุรกิจ 
และสามารถหาแนวทางสามารถชักจูงให้ลูกทีมทำตามกลยุทธ์ขององค์กรที่เปลี่ยนแปลงไป

1.3 Resilient Leader

ผู้นำต้องเป็น “Resilient Leader” ผู้นำที่ปรับตัวกับความไม่แน่นอนได้ เป็นผู้นำที่เพราะต้องแบกรับความกดดันและความคาดหวังจากผู้บริหารระดับสูง รวมถึงคอยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

2. Align

อย่างที่สอง คือ “Align” เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางของธุรกิจ (Business Direction Transfomation) และการเปลี่ยนแปลงด้านบุคลากร (People Transformation) ซึ่งเป็นการทำให้ “คน” ในองค์กรมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันกับ “วิสัยทัศน์” ของการทำธุรกิจ โดยมีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญทั้งหมด 3 เรื่อง

2.1 Big-Picture Thinker

ผู้นำต้องเป็น “Big-Picture Thinker” รับผิดชอบหน้าที่ดูแลภาพรวมกลยุทธ์ของการทำธุรกิจ
เพื่อให้การดำเนินงานสามารถบรรลุเป้าหมายขององค์กรอย่างราบรื่น

2.2 Decisive Strategist

ผู้นำต้องเป็น “Decisive Strategist” ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ภาพรวมของธุรกิจ รู้ว่าควรปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปในทิศทางใด ปรับพนักงานภายในองค์กรอย่างไร แนวทางการดำเนินงานในอนาคตควรเป็นแบบไหน และสามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด

2.3 Bridge-Builder

ผู้นำต้องเป็น “Bridge-Builder” ในการเชื่อมโยงพนักงานภายในองค์กรและเป้าหมายขององค์กรเอาไว้ด้วยกัน

3. Optimize

อย่างที่สาม คือ “Optimize” เกิดจากการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการ (Execution Transfomation) และการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน (Process Transfomation) หมายถึงองค์กรต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงาน เพื่อสร้าง New Value ให้กับองค์กร ดังนั้น คนที่เป็นผู้นำจะต้องสามารถตามทันเทรนด์ในปัจจุบันและคิดสร้างสรรค์ Value ใหม่ ๆ เพื่อยกระดับองค์กรให้อยู่เหนือใคร โดยมีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญทั้งหมด 3 เรื่อง

3.1 Visionary Thinker

ผู้นำต้องเป็น “Visionary Thinker” หรือต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถวิเคราะห์เทรนด์ในปัจจุบันและคู่แข่งในตลาดได้ว่า องค์กรต้องสร้างคุณค่า (New Value) อย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จและเป็นที่หนึ่ง

3.2 Risk-Taker

ผู้นำต้องเป็น “Risk-Taker” ซึ่งต้องสามารถรับความเสี่ยงและกล้าเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ๆ

3.3 Creative Problem-Solver

ผู้นำต้องเป็น “Creative Problem-Solver” โดยต้องมีทั้งทักษะ Creative Thinking และ Critical Thinking เพื่อคิด วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด และสร้างสรรค์ก้าวทันโลกยุคใหม่

4. Empower

อย่างที่สี่ คือ “Empower” เกิดจากการเปลี่ยนแปลงบุคลากร (People Transformation) และการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการ (Execution Transfomation) หมายถึง ผู้นำที่ดีต้อง “เก่งงาน” และ “เก่งคน” สามารถสร้างแรงบันดาลใจและ Empower ให้พนักงานภายในองค์กรพัฒนาศักยภาพและทำงานได้อย่างเต็มที่

4.1 Personalized Growth Leader

ผู้นำต้องเป็น “Personalized Growth Leader” เข้าใจความหลากหลายของพนักงานภายในองค์กร ซัปพอร์ตความต้องการและส่งเสริมจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลได้อย่างเหมาะสม

4.2 Talent Optimizer

ผู้นำต้องเป็น “Talent Optimizer” มองเห็นจุดแข็งของพนักงานภายในองค์กรแต่ละคนและช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการทำงานให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

4.3 Originality Advocate

ผู้นำต้องเป็น “Originality Advocate” ให้ความสำคัญกับความแตกต่างและความหลากหลาย โดยผู้นำต้องสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับพนักงานภายในองค์กร เพื่อให้พวกเขาสามารถแสดงความเป็นตัวตนออกมาได้อย่างเต็มที่ นำไปสู่การสร้างจุดแข็งและพัฒนาศักยภาพให้แข็งแกร่งมากขึ้น

แนวทางการสร้างผู้นำองค์กร 4 Leadership Trajectory

หลังจากเล็งเห็นถึงความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นจาก AI Disruption ทาง BASE Playhouse จึงได้คิดค้นและพัฒนาแนวคิด “4 Leadership Trajectory” ขึ้น เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถสร้างผู้นำยุคใหม่ ขึ้นมารับมือการเปลี่ยนแปลงในแต่ละด้านได้ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นการต่อยอดมาจาก LEADER STELLAR ประกอบไปด้วยผู้นำประเภท Change Leader, Strategic Leader, Innovation Leader และ People Leader

1. Change Leader

ผู้นำยุคใหม่ต้องเป็น “Change Leader” ซึ่งพัฒนามาจากคำว่า Adapt หมายถึง ผู้นำที่เป็น Facilitator สามารถขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงองค์กรไปได้ในเวลาเดียวกัน ความยากของการเป็น Change Leader คือ ต้องเข้าใจ Solf Skills และ Change Management เป็นอย่างดี รวมถึงต้องมีทักษะการสื่อสาร สามารถพูดเพื่อโน้มน้าวใจเป็น และสามารถ Facilitate คนอื่น ๆ ได้

ความท้าทายของการพัฒนา Change Leader คือ การต้องเป็น “ตัวกลาง” ในการสื่อสารกับ Stakeholders ต้องรับมือกับความกดดันและความไม่แน่นอน รวมถึงบริหารจัดการกับการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงให้สามารถไปต่อได้อย่างราบรื่น

2. Strategic Leader

ผู้นำยุคใหม่ต้องเป็น “Strategic Leader” ซึ่งพัฒนามาจากคำว่า Align หมายถึง ผู้นำที่สามารถคิดวิเคราะห์กลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงสร้างการแข่งขันที่ต่อเนื่องและยั่งยืน ความยากของการเป็น Strategic Leader คือ ต้องสามารถวางแผนการดำเนินงานได้อย่างละเอียดรอบคอบ สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยง คู่แข่ง และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ หรือพูดง่าย ๆ ว่าต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล

ความท้าทายของการพัฒนา Strategic Leader คือ ต้องสามารถปรับแผนกลยุทธ์ให้ตามทันเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยคำนึงถึงความสอดคล้องของทิศทางที่องค์กรตั้งเป้าหมายไว้

3. Innovation Leader

ผู้นำยุคใหม่ต้องเป็น “Innovation Leader” ซึ่งพัฒนามาจากคำว่า Optimize หมายถึง ผู้นำที่สามารถคิด ริเริ่ม สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความยากของการเป็น Innovation Leader คือ ต้องสามารถสร้างสรรค์ไอเดียและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้ “จริง” ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและองค์กร รวมถึงคุ้มค่าต่อการลงมือทำ

ความท้าทายของการพัฒนา Innovation Leader คือ ต้องสามารถสร้างสรรค์และผลักดันนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กลายเป็นจริง โดยต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

4. People Leader

ผู้นำยุคใหม่ต้องเป็น “People Leader” ซึ่งพัฒนามาจากคำว่า Empower หมายถึง ผู้นำที่มีความสามารถในการบริหารจัดการ สร้างแรงบันดาลใจ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพให้กับพนักงานภายในองค์กร เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการขององค์กรและการเปลี่ยนแปลงทิศทางของการดำเนินธุรกิจในอนาคต ความยากของ People Leader คือ การค้นหาวิธีบริหารจัดการและพัฒนาพนักงานภายในองค์กรที่มีความแตกต่างได้อย่างตรงจุดและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพราะพนักงานภายในองค์แต่ละคนย่อมมีความต้องการและทักษะความสามารถแตกต่างกัน

ความท้าทายของการพัฒนา People Leader เริ่มตั้งแต่ “การทำความเข้าใจ” พนักงานภายในองค์กรว่าบุคคลคนนั้นมีจุดแข็งคืออะไรและสามารถพัฒนาศักยภาพอะไรเพื่อให้เติบโตขึ้นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง “การสร้างพื้นที่ปลอดภัย” ให้กับทีม เพื่อให้ทุกคนแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่

Leadership Program “LEADER STELLAR”

การพัฒนา “บทบาทความเป็นผู้นำ” ให้พร้อมรับกับทุกการเปลี่ยนแปลงของยุคเทคโนโลยีที่หมุนเปลี่ยนก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่หลาย ๆ องค์กรต้องหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น โดยการพัฒนา Leadership Trajectory ซึ่ง BASE Playhouse มีโปรแกรม LEADER STELLAR โปรแกรมพัฒนาผู้นำยุคใหม่ พร้อมพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย แบบครบทุกองค์ประกอบที่ต้องการ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.baseplayhouse.co/program/leaderstellar หรือโทร 094-191-4626